ให้มันจบที่เดือนสิงหาคม...Honda ประกาศยุติการผลิต Honda Clarity ที่เป็นรถเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) แล้ว พร้อมดัน i-MMD และ BEV (รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่) และภายในปี 2040 Honda ตั้งเป้าจะเลิกจำหน่ายรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในอย่างสิ้นเชิง
ไม่ได้ไปต่อ Honda ขอตัดจบ ประกาศยกเลิกการผลิต Honda Clarity ทั้งเวอร์ชั่น Plug-in Hybrid และ FCEV รถไฮโดรเจนที่ใช้เทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงในเดือนสิงหาคม 2564 หลังจากที่มาได้ไกลเพียงแค่ 2 เจเนอเรชั่น โดย Honda Clarity เจเนอเรชั่นแรกเปิดตัวในปี 2008 แต่ก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ
Honda FCX Clarity เจเนอเรชั่นแรก เริ่มวางจำหน่ายปี 2008 เฉพาะรูปแบบเช่าใช้ในสหรัฐฯ
จนมาถึงรุ่นปัจจุบัน ซึ่งเป็นรุ่นที่ 2 ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ในแง่ของความนิยมอยู่ดีด้วยหลายข้อจำกัดและตัวแปรที่เป็นอุปสรรค ถึงจะเพิ่มเวอร์ชั่น PHEV ก็แล้ว (ดูท่าจะไปได้ดีอยู่พักเดียว) เลยต้องปิดฉากลงในที่สุด
อย่างไรก็ตาม Honda Clarity จะยังคงบริการในส่วนของ “เช่าใช้” (เดิมมีทั้งขายขาดและเช่าใช้) ต่อไปจนถึงปี 2565 ขณะที่บริการหลังการขาย Honda ยังซัพพอร์ตสำหรับลูกค้า Honda Clarity ต่อไปตามปกติ
Honda Clarity เจเนอเรชั่น 2 เปิดตัวปี 2016
นอกเหนือจากการประกาศยกเลิกการผลิต Honda Clarity แล้ว ทาง Honda ยังยืนยันจะเป็นหนึ่งในผู้ผลิตยานยนต์ปราศจากคาร์บอนในปี 2050 โดย Honda ตั้งเป้าเอาไว้ว่า ภายในปี 2040 รถใหม่ที่วางจำหน่ายจะเป็นแบบรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) หรือไม่ก็รถไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (FCEV) เท่านั้น นั่นหมายความว่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในจะถูกถอดออกจากทุกไลน์อัพ
และก่อนที่รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในของ Honda จะเดินทางไปถึงจุดจบ ระหว่างนี้ Honda จะเน้นใช้เทคโนโลยี i-MMD (Hybrid 2 มอเตอร์ แบบที่ใช้ใน Accord และ City) กับรถรุ่นหลักของตนเอง พร้อมกับเปิดตัวกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2024 หรืออีก 3 ปี ข้างหน้า
แม้ดูเหมือนว่าเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) กำลังจะโดนเท แต่ถ้าลองสังเกตดี ๆ จะพบว่า Honda ยังคงบรรจุคำว่า Fuel Cell ลงไปในอนาคตของตัวเอง และ Honda ยังร่วมลงทุนกับพาร์ตเนอร์พัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานสำหรับแบตเตอรี่และเซลล์เชื้อเพลิงอีกด้วย
น่าสนใจว่า จนถึงตอนนี้แล้ว...ทำไม Honda และ Toyota ยังไม่ยอมทิ้งเทคโนโลยี Fuel Cell แล้วมุ่งไปพัฒนาแบตเตอรี่ซึ่งดูมีอนาคตกว่า แต่ถ้ามองอีกมุมการถือหลายเทคโนโลยีไว้ในมือย่อมมีความได้เปรียบหากสถานการณ์เกิดการเปลี่ยนแปลง
เพราะจริง ๆ แล้วไม่มีใครคาดเดาทิศทางพลังงานของอนาคตในวันข้างหน้าได้ 100% อย่างการเข้ามาของพลังงานไฟฟ้าก็เป็น Paradigm Shift อย่างหนึ่ง ซึ่งใครปรับตัวได้ไวคนนั้นก็รอด การเตรียมความพร้อมในการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบต่าง ๆ จึงสำคัญ โดยเฉพาะค่ายใหญ่อย่าง Toyota หรือ Honda
อ่านเพิ่มเติม