เคล็ดลับนำเด็กโดยสารไปกับรถ
สำหรับการที่ผู้ปกครองนำเด็กเล็กโดยสารไปกับรถนั้นนับว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุอยู่พอสมควรหากไม่รู้ขั้นตอนการปฏิบัติอย่างถูกวิธี ในประการแรกผู้ขับขี่ควรเลือกใช้เบาะนั่งสำหรับเด็ก Car Seat ที่ปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อตั้งแต่ระดับหรูราคาหลักหมื่นไปจนถึงราคาประมาณหลักพันบาทซึ่งตามหลักการแล้วเบาะนั่งสำหรับเด็กได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ความปลอดภัยกับเด็กโดยเฉพาะมีความครอบคลุมตั้งแต่เด็กอายุ 2 ปีขึ้นไปจนถึง 10 ปีก็สามารถที่จะใช้เบาะนั่งสำหรับเด็กได้เช่นกัน
การติดตั้งเบาะนั่งสำหรับเด็กถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เด็กได้รับความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยปกติแล้วเก้าอี้นิรภัยจะมีการติดตั้งหัวล็อคนิรภัยมาให้ด้วยเพื่อให้ผู้ขับขี่ทำการล็อคเข้ากับหัวล็อค Isofix ที่มีการติดตั้งเอาไว้ในรถยนต์หลายรุ่นบริเวณเบาะนั่งด้านหลัง อีกทั้งในขณะที่เดินทางผู้ขับขี่ควรหมั่นสังเกตพฤติกรรมของเด็กอยู่ตลอดเวลาว่ามีความอึดอัดหรือไม่ในการใช้งานเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กและในกรณีที่เบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กมีการติดตั้งเข็มขัดนิรภัยมาให้ด้วยผู้ขับขี่ก็ควรปรับตั้งให้เข็มขัดนิรภัยอยู่ในตำแหน่งที่พอดีไม่รัดกับตัวเด็กจนมากเกิน
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็กแบบ Isofix
ประการต่อมาการที่ผู้ใหญ่มักนำเด็กเล็กมานั่งอยู่บนตักเมื่อผู้ใหญ่นั่งอยู่ในเบาะนั่งด้านหน้ารถหากเกิดอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนด้านหน้าขึ้นเด็กอาจจะได้รับบาดเจ็บจากแรงอัดของถุงลมนิรภัย หรือ การอัดกระแทกกับคอนโซลด้านหน้ารถได้โดยง่ายเพราะฉะนั้นผู้ขับขี่จึงควรหลีกเลี่ยงการอุ้มเด็กมานั่งบนตักในขณะที่ขับรถแต่ควรเลือกใช้คาร์ซีทที่มีความเหมาะสมสำหรับเด็กโดยเฉพาะเนื่องจากสามารถให้ความปลอดภัยได้ดีมากกว่า
แต่อย่างไรก็ตามเก้าอี้นิรภัยสำหรับเด็ก หรือ คาร์ซีทก็มีอายุการใช้งานที่จำกัดเมื่อเด็กเริ่มโตมากขึ้นตามวัยขนาดของคาร์ซีทที่ให้ความปลอดภัยก็กลับเล็กลงผู้ขับขี่จึงควรเปลี่ยนเก้าอี้นิรภัยสำหรับเด็กให้มีขนาดที่มีความเหมาะสมกับวัยของเด็กมากที่สุด ส่วนในเด็กที่มีอายุประมาณ 8-10 ปี ผู้ปกครองก็สามารถที่จะแนะนำข้อควรปฏิบัติเมื่อโดยสารบนรถให้เด็กทราบได้ หรือ ในอีกแง่หนึ่งเปรียบเสมือนการปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีเมื่ออยู่ภายในห้องโดยสาร เช่น การคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งที่อยู่ในรถ และ ไม่ยื่นมืออกไปภายนอกรถโดยเด็ดขาด
เบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก หรือ คาร์ซีท
ทั้งนี้ผู้ขับขี่ไม่ควรปล่อยให้เด็กอยู่ภายในรถโดยลำพังเนื่องจากเด็กเล็กยังคงมีวุฒิภาวะที่ไม่เพียงพอและไม่สามารถที่จะแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ หากเครื่องยนต์ดับและไม่เปิดกระจกเอาไว้ก็ย่อมส่งผลให้เด็กได้รับอันตรายจนถึงแก่ชีวิตได้ และ ควรตรวจสอบอุณหภูมิภายในรถโดยเฉพาะระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลังให้มีความเหมาะสมไม่ร้อน หรือ เย็นจนเกินไป
สำหรับผู้ขับขี่ที่นำเด็กโดยสารไปกับรถสามารถที่จะนำแนวทางข้างต้นไปประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดตลอดการเดินทางครับ
...
ดูเพิ่มเติม