อุบัติเหตุถือเป็นสิ่งที่บางครั้งก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะถือว่าสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะคนที่ใช้รถใช้ถนนเป็นประจำทุกวัน ที่ถึงแม้จะใช้รถยนต์ด้วยความไม่ประมาท แต่บางครั้งก็มักจะมีอุบัติเหตุจากผู้อื่นที่ส่งผลมาถึงตนเองด้วย แน่นอนว่าหลายคนก็คงไม่อยากจะให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวแน่นอน ดังนั้น หากในอนาคตได้พบเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น จะต้องรู้เสียก่อนว่าจะทำอย่างไรให้ลดความรุนแรงของอุบัติเหตุในแต่ละเหตุการณ์ จากอุบัติเหตุหนัก อาจจะกลายเป็นเบาได้ ซึ่งสามารถแก้ไขได้ทันท่วงที หากเกิดขึ้นกับรถของตนเอง ดังแนวทางการปฏิบัติดังต่อไปนี้
การลดความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุบนท้องถนน
ในกรณีที่ขับรถอยู่แล้วได้เหยียบเบรก เมื่อพบว่าคันเบรกจมหายไปและรถไม่หยุด อย่าพึ่งกังวลจนเสียสติ แต่ให้แก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าโดยการเปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำโดยทันที หากจวนตัวมากควรเปลี่ยนจากเกียร์ 4 มาเป็นเกียร์ 2 แล้วดึงเบรกมือช่วย แต่สิ่งที่ห้ามลืมก็คือ การบังคับพวงมาลัยให้อยู่ในสภาวะที่ดี หลบหลีกสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะรถที่กำลังสัญจรบนท้องถนนด้วย แน่นอนว่าในบางกรณีอาจจะเปิดไฟฉุกเฉินเพื่อให้สัญญาณกับรถคันอื่นด้วยก็ได้ ซึ่งวิธีนี้สามารถทำให้รถหยุดโดยไม่เกิดความเสียหายได้ เพียงแต่ต้องประคองสติเอาไว้ให้ดี และตัดสินใจให้ทันท่วงทีถึงวิธีการแก้ไขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ลักษณะของการเบรกแตกคือการกดลงไปแล้วเบรกจมโดยที่รถไม่ได้ลดความเร็วลง
แน่นอนว่าหากเกิดยางแตกหรือยางระเบิดนั้น เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่หลายคนมักปล่อยปะละเลย และถือเป็นอีกปัจจัยที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนถนนอย่างมากมาย โดยอาการของยางแตกเพราะรั่วโดยสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งนั้น สังเกตได้จากยางจะค่อยๆแบนลง รถจะหนักขึ้น พวงมาลัยจะหนักไปทางใดทางหนึ่ง ให้สันนิษฐานว่าทางที่พวงมาลัยหนักไปนั้นคือทางที่เกิดปัญหากับยางรถยนต์ วิธีแก้คือให้รีบเบารถโดยทันที ห้ามเร่งเครื่องโดยเด็ดขาด และให้เปลี่ยนเกียร์ลงเรื่อยๆ เพื่อให้เครื่องชะลอตัวลง ในขณะที่รถแล่นด้วยความเร็วสูงนั้น ห้ามเหยียบเบรกโดยทันที แต่พยายามทำให้รถเดินเบาลงก่อน หากรถวิ่งช้าลงแล้วสามารถเหยียบเบรกได้โดยการค่อยๆกดลงไป และแอบเข้าข้างเพื่อทำการเปลี่ยนยางต่อไป
หากยางรถมีปัญหาหรือแตกให้จอดรถไว้ไหล่ทางก่อนหาวิธีดำเนินการซ่อมต่อไป
หรือในบางกรณี หากยางระเบิดและมีเสียงดังขึ้นมา จนทำให้รถมีอาการทรุดฮวบลงอย่างรวดเร็ว ให้แฉลบหรือปัดเฉออกนอกแนวทาง โดยการตีไฟเลี้ยวเพื่อให้สัญญาณกับเพื่อนร่วมทาง แน่นอนว่าห้ามเหยียบเบรกโดยเด็ดขาดเพราะอาจจะทำให้รถเหวี่ยงและพลิกคว่ำได้ ให้พยายามบังคับพวงมาลัยให้อยู่ในเลน และให้ปล่อยคันเร่งโดยทันทีเพราะจะทำให้รถมีรอบลดลง ทำควบคู่ไปกับการเปลี่ยนไปใช้เกียร์ต่ำลงเรื่อยๆ เพื่อให้ชะลอความเร็วลง แล้วค่อยเหยียบเบรกและแอบเข้าข้างทาง
หากรถมีปัญหาต้องให้สัญญาณกับเพื่อนร่วมทางอยู่เสมอ
3. รถเสียระหว่างทาง
หากระหว่างการขับขี่รถเกิดเสียระหว่างทาง โดยยังไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งอาจจะเกิดจากปัจจัยหลายๆอย่าง ซึ่งหากเสียระหว่างทางจะต้องจอดแอบเข้าข้างทางทันที และจะต้องเปิดไฟสัญญาณฉุกเฉิน เพื่อให้สัญญาณกับรถที่สัญจรไปมา ที่สำคัญก็คือ หากรู้ว่ารถมีอาการผิดปกติให้จอดโดยทันที ห้ามฝืนขับต่อโดยเด็ดขาด เพราะไม่เช่นนั้น อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุตามมาได้
หากรถเสียระหว่างทางให้จอดรถที่ไหล่ทางห้ามฝืนขับต่อโดยเด็ดขาด
สรุป
จะสังเกตได้ว่า ในการใช้รถใช้ถนนนั้น เมื่อใดก็ตามที่เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น สิ่งแรกที่จะต้องมีก็คือสติ ที่จะต้องควบคุมและจัดการกับเหตุการณ์ตรงหน้าได้ เพราะหากตัดสินใจพลาดพลั้งไปแม้แต่เล็กน้อย จากอุบัติเหตุเบาอาจจะกลายเป็นหนักได้
อ่านเพิ่มเติม :