วิธีดูรถมือสอง นอกจากจะพิจารณาสภาพภายนอก สภาพภายใน เครื่องยนต์ เลขไมล์ รวมถึงเอกสารรถต่าง ๆ แล้ว อุปกรณ์ความปลอดภัยอย่าง “ถุงลมนิรภัย” ก็เป็นสิ่งที่ตรวจสอบด้วยเช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นอุปกรณ์แสนสำคัญที่จะช่วยลดอาการบาดเจ็บจากแรงกระแทกเมื่อเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง ลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เพิ่มความปลอดภัยได้มากขึ้น
ปกติแล้ว ถุงลมนิรภัย จะเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ได้รับการติดตั้งมาในรถยนต์ทุกรุ่น มีหลายจุด และมีข้อควรระวังในการใช้งานอยู่ โดยมีรายละเอียดที่น่ารู้ ดังนี้
ถุงลมนิรภัย (Airbag) คือ อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยในรถยนต์ มีลักษณะเป็นถุงลมขนาดใหญ่ โดยวัสดุห่อหุ้มทำมาจากถุงไนลอนหรือโพลีเอไมด์มีความยืดหยุ่น และจะพองตัวขยายใหญ่ขึ้นเมื่อเกิดอุบัติรถชน มีหน้าที่ช่วยป้องกันการกระแทก ลดอาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุได้ดีในระดับหนึ่ง
เมื่อเกิดอุบัติเหตุ เซนเซอร์ตรวจจับแรงกระแทกของถุงลมนิรภัยจะทำงาน โดยสารเคมีโซเดียมเอไซด์ (Sodium Azide) ที่บรรจุอยู่ภายใน จะเกิดปฏิกิริยาสลายตัวกลายเป็นโลหะโซเดียม และแก๊สไนโตรเจน ซึ่งจะไหลไปบรรจุในถุงลมนิรภัยที่พับอยู่ให้พองตัวขึ้นมา ทำให้เกิดการพองตัวอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นถุงลมนิรภัยจะค่อย ๆ ยุบตัวลง เพื่อไม่ให้อัดกับผู้โดยสารนานเกินไป
1. ถุงลมด้านหน้า (Front Airbag)
ติดตั้งอยู่บนโครงด้านหน้าขวาและซ้ายของรถ ช่วยป้องกันคนขับรถ และคนที่นั่งข้างคนขับจากการกระแทกบริเวณหน้าอกและศีรษะ
2. ถุงลมด้านข้าง (Side Airbag)
ติดตั้งอยู่ที่แผงประตู หรือที่ตัวเบาะนั่ง ช่วยป้องกันการกระแทกตรงส่วนครึ่งกลางและด้านล่างของร่างกาย รวมถึงอันตรายจากเศษกระจกบานประตู
3. ม่านถุงลม (Curtain Airbag)
ช่วยป้องกันแรงปะทะจากการชนด้านข้าง บริเวณหน้าและศีรษะ
4. ถุงลมป้องกันเข่าและขา (Knee Airbag)
ติดตั้งอยู่ใต้คอนโซลด้านผู้ขับขี่บริเวณหัวเข่า ช่วยป้องกันขาและหัวเข่าไม่ให้ไปชนเข้ากับคอนโซลด้านล่างใต้พวงมาลัย
5. ถุงลมที่พื้นใต้เท้า (Carpet Airbag)
ช่วยผ่อนแรงบริเวณเท้าไม่ให้ไปกระแทกกับพื้นและผนังกั้นระหว่างห้องโดยสารและห้องเครื่อง
เมื่อถุงลมนิรภัยทำงาน แก๊สไนโตรเจนจะเกิดการระเบิด จึงมีความรุนแรงในการพองตัว หากเกิดการปะทะกับอวัยวะร่างกายในส่วนที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้ผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บได้ โดยตำแหน่งที่บังคับให้ผู้โดยสารปะทะกับถุงลมนิรภัย คือ ตำแหน่งที่ผู้โดยสารคาดเข็มขัดนิรภัยอยู่เท่านั้น
การตรวจสอบถุงลมนิรภัย ต้องใช้อุปกรณ์ตรวจเช็กผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์แบบเฉพาะทาง ที่มีเฉพาะในศูนย์บริการของค่ายรถยนต์หรืออู่ซ่อมรถขนาดใหญ่เท่านั้น หากรถคันไหนมีไฟเตือนถุงลมนิรภัยโชว์ขึ้นมาบนหน้าปัด ควรนำเข้าอู่หรือศูนย์ให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบและแก้ไขโดยเร็วที่สุด เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่
ผู้ใช้งานรถยนต์มือสอง หรือผู้ที่มีรถเก่า ควรตรวจเช็กระบบการทำงานของเซนเซอร์ถุงลมนิรภัยเช่นเดียวกัน เพราะอะไหล่ที่เสื่อมสภาพหรือชำรุด อาจทำให้เซนเซอร์ทำงานได้ไม่เต็มที่ หรือไม่ทำงานเลย ส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่
จากข้อมูลของ สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ระบุว่า ถุงลมนิรภัยในรถยนต์บางยี่ห้อไม่ได้มาตรฐาน และมีความเสี่ยงว่าจะแตก จนอาจทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับอันตราย ผู้ที่ใช้รถยนต์เก่า หรือกำลังจะซื้อรถยนต์มือสอง ที่ผลิตในปี พ.ศ. 2541-2561 จึงควรตรวจสอบก่อนตัดสินใจซื้อ โดยสามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ www.checkairbag.com หรือติดต่อที่ศูนย์บริการรถยนต์ เพื่อทำการเปลี่ยนถุงลมนิรภัยได้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย
สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์มือสอง แต่ไม่รู้จะซื้อที่ไหนดี? จึงจะได้รถยนต์มือสองที่มีสภาพดี ครบครันด้วยออปชันความปลอดภัยมาใช้งาน ขอแนะนำเว็บไซต์ Chobrod.com แหล่งจำหน่ายรถยนต์มือสองที่มีความน่าเชื่อถือ และได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้รถ มาพร้อมรถมือสองให้เลือกหลายรุ่นหลายยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็น Toyota, Honda, Mitsubishi, Nissan หรือแม้กระทั่งแบรนด์หรูอย่าง Mersedes-Benz, BMW เป็นต้น จากผู้จำหน่ายและเต็นท์รถมือสองที่มีความน่าเชื่อถือหลายเจ้า เช่น
ขอบคุณข้อมูลจาก lifestyle224, tqm.co.th, ktc.co.th, teddyautosale
อ่านเพิ่มเติม >>