เลือกไม่ถูกต้องดู ! เปรียบเทียบรถ Chevrolet Captiva 2018 กับ Honda CR-V 2018
การมาของ Honda CR-V 2018 ที่เปิดตัวโมเดลเชนจ์ใหม่ล่าสุดไปเมื่อช่วงต้นปี 2017 สร้างปรากฎการณ์ความนิยมอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ดีดยอดขายของตัวเองนำโด่งจนขนาด Mazda CX-5 ที่ว่าแน่ ๆ ยังเทียบไม่ติด ด้วยนอกจากพื้นฐานของความเป็นรถจาก Honda ที่ทำตลาดมาอย่างยาวนานของ CR-V อยู่แล้ว ความเชื่อใจมีท่วมถ้น ประกอบกับเรื่องความใหม่ที่ทำได้สวยอย่างหมดจดไร้ที่ติ จึงไม่ยากที่จะหาคำตอบ ว่าทำไมรถรุ่นนี้ถึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
ผิดกับอีกฝั่งคู่เปรียบเทียบอย่าง Chevrolet Captiva 2018 ที่ยอดขายน้อยลงไปทุกปี เหมือนขายรอให้รถหมด ตัวเลขยอดขายที่แต่ละปีได้ไม่ถึงพันคัน (2016-2017) น่าจะเป็นคำตอบถึงอนาคตของรถรุ่นนี้ได้ไม่ยากที่แสดงถึงความคลุมเครือ ไม่ชัดเจน และไม่มีอะไรชี้ชัดว่ารถรุ่นนี้จะมีโมเดลรุ่นใหม่ในเมืองไทย เหลือเพียงแค่รอวันประกาศยกเลิกทำตลาด (รถประเภทเก๋ง) ในประเทศไทยจากทางค่ายก็แค่นั้น
เรื่องความนิยมระหว่างสองรุ่นในเรื่องของยอดขาย ชัดเจนที่ 3 ปีที่ผ่านมา Chevrolet Captiva เหมือนจะมีแต่ถอยหลังลงคลอง สวนทางกับ Honda CR-V ที่ปีล่าสุด 2017 ยอดพุ่งแรงด้วยการมาของโมเดลใหม่ซึ่งช่วยกระตุ้นยอดขายได้อย่างดี “เกินหมื่นคัน” กับรถที่ราคาเกินล้านซึ่งถือว่าไม่ธรรมดาเลยกับตัวเลขยอดขายระดับนี้
เปรียบเทียบในรุ่นย่อยราคาใกล้เคียงกัน ได้ทั้งระบบขับสี่และเป็นเครื่องยนต์ดีเซล
ไปตรวจสอบราคาขาย ณ ปัจจุบันตอนนี้ (08/2018) ของรุ่นท็อปในฝั่ง Chevrolet Captiva 2018 จะเป็นรุ่น 2.0 LTZ AT AWD ราคาอยู่ที่ 1,689,000 บาท ส่วนทางฝั่ง Honda CR-V 2018 จะเป็นรุ่น 1.6 DT EL 4WD กับราคาขาย 1,699,000 บาท มาในแบบ “ขับสี่เครื่องดีเซล” ตามสมัยนิยมทั้งคู่ ไปดูรายละเอียดตามจุดต่าง ๆ กันได้เลย ว่าคันไหนจะน่าซื้อมากกว่ากัน
Chevrolet Captiva 2018 ส่วนของไฟหน้าให้มาเป็นแบบโปรเจคเตอร์พร้อมไฟวิ่งกลางวันแบบ LED กระจังหน้าโครเมี่ยมดีไซน์ใหม่แบ่งสัดส่วนให้ด้านบนบางกว่าด้านล่าง วางไว้ซึ่งโลโก้ Chevrolet ให้มาพร้อมไฟตัดหมอกที่ด้านล่าง ไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์สปอร์ตลงตัวที่สุดเมื่อให้มากับท่อไอเสียคู่โครเมี่ยม ชายล่างตกแต่งด้วยสเกิร์ตรอบคันสีเงิน เส้นสายการออกแบบมีมิติที่ลงตัว สื่อชัดถึงความหรูหราในแบบอเมริกัน SUV พร้อมออพชั่นเหนือระดับที่จัดมาให้ครบทุกการใช้งาน กระจกมองข้างปรับและพับได้ด้วยไฟฟ้า, ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง, ราวหลังคาสี Silver, สปอยเลอร์หลัง และล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว
ภายนอกของ Chevrolet Captiva 2018
Honda CR-V 2018 เหนือระดับไปอีกขั้นกับดีไซน์ใหม่ในรูปแบบ SUV ที่จะมอบความหรูหราให้กับผู้ขับขี่ได้เต็มอารมณ์ แต่ยังคงแฝงไว้ซึ่งพลังความแข็งแกร่งตามแบบฉบับ SUV แท้ ๆ ไฟหน้ามาในแบบ Full LED พร้อมไฟวิ่งกลางวันที่เป็นแบบ LED เช่นกัน พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ไฟตัดหมอกลงตัวเมื่อมาในกรอบโครเมี่ยม กระจังหน้าเงินโครเมี่ยมโฉบเฉี่ยมทุกมิติมุมมอง กาบข้างประตูใช้เป็นสีดำด้านตกแต่งด้วยสีเงินยิ่งทำให้ใต้ท้องรถดูสูงขึ้น สมกับความเป็น SUV ไฟท้ายเป็นแบบ LED ที่ผสานไฟทั้งสองข้างด้วยแถบโครเมี่ยมด้านหลัง สะดวกยิ่งขึ้นด้วยระบบเปิดฝาท้ายโดยไม่ต้องใช้มือ (แบบเตะเปิด) “Hands Free Access Tailgate” พร้อมอุปกรณ์เสริมให้ตัวรถน่ามองยิ่งขึ้นมากมาย ทั้งสปอยเลอร์หลัง, เสาอากาศทรงครีบฉลาม และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 18 นิ้ว
ภายนอกของ Honda CR-V 2018
Chevrolet Captiva 2018 โทนการตกแต่งด้วยสีดำถูกใช้เป็นสีหลักผสมกับสีดำเงา Jet Black ที่แผงคอนโซลหน้า เรื่องดีไซน์จากช่องแอร์แนวตั้งอาจจะพาให้นึกถึงรถในค่ายที่เป็นเวอร์ชั่นกระบะได้ไม่น้อย แต่สบายใจได้ว่าเป็นคนละดีไซน์ กว้างขวางนั่งสบายด้วยจำนวนเบาะนั่ง 3 แถวแบบ 5+2 ที่นั่ง ด้วยตัวเบาะซึ่งใช้วัสดุเป็นหนังทุกตำแหน่ง
ความทันสมัยในการใช้งานคือจุดประสงค์หลักของเวอร์ชั่นไมเนอร์ครั้งล่าสุดเมื่อปี 2016 ที่มาพร้อมกับการรองรับ Apple CarPlay และ Andriod Auto จอแสดงผลแบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ที่รองรับการสั่งการด้วยเสียง พิเศษยิ่งกว่าด้วยเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติที่เหน็บระบบกรองอากาศ Ionizer มาช่วยขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้เป็นอย่างดี และแยกโซนได้สำหรับผู้โดยสารตอนหลังสำหรับเครื่องปรับอากาศ เย็นฉ่ำทั้งห้องโดยสาร
ส่วนในเรื่องอุปกรณ์การใช้งานมาตรฐานก็ถูกจัดมาไว้ให้อย่างครบครันที่น่าสนใจมากมาย เช่นระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบไร้กุญแจ Keyless Entry, ที่นั่งคนขับปรับระดับได้ 8 ทิศทางด้วยระบบไฟฟ้า, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติบนพวงมาลัย Cruise Control, กุญแจอัจฉริยะ PEPS, ระบบเบรกมือไฟฟ้า เป็นต้น
เปรียบเทียบภายในระหว่างรถยนต์ Chevrolet Captiva กับ Honda CR-V
Honda CR-V 2018 เช่นกันด้วยเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่งที่ให้มาพร้อมช่องแอร์เพดานสำหรับเบาะแถวหลัง เติมเต็มการใช้งานให้สำหรับทุกคนที่โดยสารได้อย่างมีความสุข การตกแต่งด้วยวัสดุลายไม้ผสานกับสี Piano Black และเงินเมทัลลิกทำได้อย่างลงตัวที่ส่วนของคอนโซลและแผงประตู พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังปรับได้ทั้งเครื่องเสียงและระบบ Cruise Control เพิ่มอารมณ์ความพรีเมี่ยมได้แบบเต็มขั้น ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ i-Dual Zone เลือกพื้นที่ความเย็นสบายได้ตามใจ และที่น่าสนใจที่สุดสำหรับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลคือ จะไม่มีการเปลี่ยนเกียร์ด้วยคันโยกอีกต่อไป ใช้เป็นแบบปุ่มกด “ล้ำกว่า” แบบที่รถรุ่นไหนก็ให้ไม่ได้
มองที่ระบบ Infotainment ความบันเทิงจัดเต็มมาพร้อมกับหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว Advance Touch รองรับได้ทุกเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ Apple CarPlay, Android Auto เบาะนั่งใช้เป็นวัสดุหนังสีดำกับลวดลายที่งดงามสวยไม่แพ้รถยุโรป ฝั่งคนขับปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้าและฝั่งนั่งข้างด้านหน้าปรับด้วยไฟฟ้า 4 ทิศทาง ส่วนเบาะแถวสองยังสามารถเลื่อนเดินหน้าถอยหลังได้เพื่อการเข้าออกที่สะดวกมากขึ้น ตอบโจทย์ได้ทุกฟังก์ชั่นการใช้งานสำหรับทุกคนในครอบครัว
อุปกรณ์มาตรฐานมากมายที่ขึ้นแท่นเป็นอีกหนึ่งรถระดับพรีเมี่ยมน่าใช้ ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ Multi-information Display พร้อมมาตรวัดดิจิตอลสี TFT, ระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift, ระบบเบรกมือไฟฟ้า Electronic Parking Brake, ระบบ Auto Brake Hold, กุญแจรีโมท สามารถควบคุมการเปิด-ปิดฝาท้าย, กุญแจอัจฉริยะ Smart Keyless Entry, ระบบล็อครถอัตโนมัติเมื่อกุญแจห่างจากตัวรถ Walk Away Auto Lock เป็นต้น
Chevrolet Captiva 2018 มากับเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0L แบบ 4 สูบเรียง 16 วาล์ว VDCi DOHC พร้อมเร้าใจไปกับเทอร์โบแปรผันจนทำให้รีดกําลังม้าได้สูงสุดถึง 163 แรงม้า พร้อมแรงบิดหนัก ๆ สไตล์เครื่องยนต์ดีเซลกว่า 400 Nm ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 Speed พร้อมระบบ Driver Shift Control ขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ AWD ระบบเบรกเป็นดิสก์เบรกทั้งสี่ล้อ
ส่วน Honda CR-V 2018 ในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลจะเป็นเครื่องยนต์ i-DTEC Commonrail 4 สูบแถวเรียง ขนาด 1.6 กำลังสูงสุด 160 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 Nm จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 Speed ขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Real-time 4WD พร้อมเกียร์ปุ่มกดใช้งานแบบไฟฟ้า ระบบเบรกเป็นดิสก์เบรกทั้งสี่ล้อเช่นกัน
เปรียบเทียบด้านสมรรถนะของ Chevrolet Captiva 2018 กับ Honda CR-V 2018
Chevrolet Captiva 2018 จุดเด่นในเรื่องความปลอดภัย:
ระบบเตือนมุมอับสายตา Side Blind Zone Alert ของ Chevrolet Captiva
Honda CR-V 2018 จุดเด่นในเรื่องความปลอดภัย:
ถุงลม Honda CR-V ให้มามากกว่าบริเวณด้านข้างคู่หน้า
ความได้เปรียบเรื่องของเครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่าแรงม้ามากกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่าเรื่องการขับขี่ของ Chevrolet Captiva 2018 จะตอบสนองได้ดีกว่าคู่เปรียบเทียบ Honda CR-V 2018 ที่ทำได้ดีกว่าในทุกมิติสมรรถนะ อัตราเร่ง ความเร็วสูงสุดดีกว่าชัดเจน แถมยังประหยัดน้ำมันมากกว่าอีกด้วยขนาดเครื่องยนต์ที่เล็กเพียง 1.6L
กับราคาที่ใกล้เคียงกันแม้จะตัดไปซึ่งเรื่องดีไซน์ที่คะแนนความชอบที่แต่ละคนนั้นแตกต่าง อุปกรณ์ที่ทั้งสองรุ่นให้มาจะใกล้เคียงกัน แต่เป็นทาง Honda CR-V จะให้ซึ่งความรู้สึกที่สดใหม่ ดู Fresh มากกว่า แม้ว่าคุณอาจจะเห็นรถรุ่นนี้เกลื่อนวิ่งอยู่เต็มท้องถนนก็ตาม แต่เชื่อว่าทุกครั้งที่ใครได้เห็น คงมีไม่น้อยที่ห้ามใจไม่ได้จะเอ่ยชมในความสวยน่าขับของรถคันนี้ ส่วน Chevrolet Captiva ที่ขายได้ไม่มากเท่า นาน ๆ จะได้เห็นวิ่งอยู่บนท้องถนน แต่เมื่อได้เจอกลับไม่ทำให้รู้สึก Wow! ได้สักเท่าไร แม้จะเพิ่มไมเนอร์เชนจ์มาเมื่อไม่นานพอ ๆ กับช่วงที่ Honda CR-V ได้เปิดตัว
เรื่องของภายในก็ถือเป็นข้อได้เปรียบของ CR-V อีกหนึ่งจุด ที่ผสานการตกแต่งด้วยอรรถวัสดุอันเลอค่า น่าเข้าไปนั่งไปขับยิ่งกว่า แล้วยิ่งกับเทคโนโลยีที่ไม่มีแป้นเกียร์มาให้แล้วสำหรับรุ่นเครื่องดีเซล เป็นแค่แบบปุ่มกดเพื่อเข้าเกียร์ ยิ่งดึงดูดให้น่าซื้อ ทำให้น่าขับมากขึ้น นี่มันคือนวัตกรรมใหม่ที่คนไทยคู่ควรได้เป็นเจ้าของชัด ๆ
ดูเพิ่มเติม:
รีวิวรถยนต์ 7 ที่นั่งที่น่าซื้อที่สุด ปี 2018 ตามสไตล์ครอบครัวคุณ
บอกเล่าประสบการณ์ใช้รถยนต์ Mazda CX-5 มีข้อดี ข้อเสีย หรือปัญหาอะไรบ้าง