14:52, 13 ส.ค. 2564

เลขตัวถัง บอกอะไรบ้าง เรื่องที่ผู้ใช้รถควรรู้

บันทึกรายการ

เลขตัวถัง แต่ละเลขบอกอะไรบ้าง มีความหมายอย่างไร หาได้จากพิกัดใดบ้าง แล้วทำไมต้องเช็กเลขตัวถังก่อนซื้อรถ บทความนี้มีคำแนะนำ

เลขตัวถัง หรือ VIN (Vehicle Identification Number) คือเลขที่ตอกลงไปบนตัวถัง มีจำนวน 17 หลัก ซึ่งแต่ละหลักจะบอกรายละเอียดของรถแตกต่างกันไป อาทิ บอกพื้นที่การผลิต บริษัทผู้ผลิต รูปแบบตัวถัง โรงงานที่ประกอบ ฯลฯ ดังนี้


เลขตัวถัง หรือ VIN (Vehicle Identification Number)

ความหมายของเลขตัวถังรถแต่ละหลัก

หลักที่ 1 : บอกถึงภูมิภาคที่ผลิตรถคันนั้นขึ้น ประกอบด้วย

  • A - H ผลิตในทวีปแอฟริกา
  • J - R ผลิตในทวีปเอเชีย (ยกเว้น O และ Q)
  • S - Z ผลิตในทวีปยุโรป
  • 1 - 5 ผลิตในทวีปอเมริกาเหนือ
  • 6 - 7 ผลิตในนิวซีแลนด์ หรือออสเตรเลีย
  • 8 - 9 ผลิตในทวีปอเมริกาใต้

หลักที่ 2-3 : บอกถึงบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ อาทิ M8 หมายถึง มาสด้าประเทศไทย, R0 หมายถึง โตโยต้าประเทศไทย, RH หมายถึง ฮอนด้าประเทศไทย ฯลฯ

หลักที่ 4-8 : บอกถึงรายละเอียดของตัวรถ เช่น รูปแบบตัวถัง, ระบบเกียร์, รุ่นย่อย เป็นต้น โดยแต่ละคันตัวเลขแตกต่างกันไปตามที่ผู้ผลิตกำหนด

หลักที่ 9 : ตัวเลขสำหรับยืนยันว่าไม่ใช่ VIN ปลอม มีรูปแบบการคำนวณที่ซับซ้อน เพื่อป้องกันการปลอมแปลงเลขประจำตัวรถ

หลักที่ 10 : บอกปีที่ผลิตรถคันนั้น เริ่มนับจากปี 1980 ที่มีการใช้เลข VIN 17 ครั้งแรก

  • ปี 1980 จะใช้ตัวอักษร A และไล่ลงมาเรื่อย ๆ จนถึงตัวอักษร Y ซึ่งแทนปี 2000
  • เมื่อถึงปี 2001 ได้มีการเปลี่ยนไปใช้ตัวเลขแทน ซึ่งจะไล่ตั้งแต่เลข 1 แทนปี 2001 ไปจนถึงเลข 9 แทนปี 2009
  • ในปี 2010 จนถึงปีปัจจุบัน ได้เปลี่ยนมาใช้ตัวอักษรเหมือนเดิม โดยอักษร A แทนปี 2010 และไล่ลงไปเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน


คุณสามารถเช็คปีผลิตรถได้จากตัวเลขหลักนี้

หลักที่ 11 : บอกถึงโรงงานที่ประกอบรถคันนั้น ๆ

หลักที่ 12-17 : เลข 6 หลักสุดท้าย

คือเลขคัสซี (Chassis Number) เป็นตัวเลขที่รันตามสายผลิต (Serial number) ทำให้รถแต่ละคันมีเลข VIN แตกต่างกันไป กล่าวง่าย ๆ ก็คือ ตัวเลข 11 หลักก่อนหน้าสามารถเหมือนกันได้ แต่ตัวเลข 6 หลักสุดท้ายจะแตกต่างกันไป ไม่เหมือนกันสักคัน

เลขตัวถังรถอยู่ที่ไหน ?

โดยปกติแล้วรถแต่ละรุ่นจะมีเลขตัวถังอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างกัน คุณสามารถเช็กได้จากคู่มือรถซึ่งจะมีบอกไว้ว่าเลขตัวถังนั้นอยู่ตรงจุดไหน หรือเช็กตามจุดต่าง ๆ ดังนี้

  • ผนังด้านในห้องเครื่อง
  • แก้มบังโคลนหน้า
  • ใต้กระจกบังลมหน้ารถ
  • โครงหน้ารถ
  • ใต้ยางอะไหล่
  • ใต้ซุ้มล้อหลัง
  • กระโปรงรถ
  • แผงหน้าปัดรถ
  • ประตูฝั่งคนขับ
  • ใต้พรมฝั่งคนขับ
  • สติกเกอร์ พรบ. ที่หน้ากระจกรถ


เลขคัสซี หรือ Chassis Number

เช็กเลขตัวถังไปทำไม ?

อีกคำถามที่ตามมาคือ เราจะเช็กเลขตัวถังรถตอนไหน? เช็กไปทำไม? คำตอบคือ ตอนซื้อรถมือสอง คุณควรเช็กเลขตัวถังให้ดีว่าตรงกับเลขทะเบียนรถบนเล่มทะเบียนรึเปล่า ! หากไม่ตรงแสดงว่าโดนย้อมแมวเอารถสวมทะเบียนมาขายให้แล้ว

หากเลขตัวถังรถต่างกับเลขในเล่มทะเบียน ควรทำยังไง ?

กรณีนี้เกิดขึ้นได้ยากมาก เพราะก่อนโอนรถ คุณต้องไปทำเรื่องโอนรถที่กรมการขนส่งอยู่แล้ว ดังนั้น จะรู้ว่ารถที่ได้มาเป็นรถสวมทะเบียนหรือไม่ เว้นแต่ว่าคนซื้อจะซื้อรถมาโดยขาดความรู้ ไม่มีการตรวจสอบที่มาที่ไป เห็นรถแล้วจ่ายเงินเลย แล้วไปโอนเองทีหลัง อันนี้มีความเสี่ยงที่จะโดนหลอกขายได้ง่าย

หากตรวจสอบได้ว่าเลขตัวถังไม่ตรงกับเลขในเล่มทะเบียน ให้เข้าไปเคลียร์กับคนขายหรือทางเต็นท์ที่ซื้อมาโดยตรง หากยังเคลียร์กันไม่ได้ก็ยื่นฟ้องต่อศาลไปเลย ! ทั้งนี้ กรณีที่คุณใช้รถสวมทะเบียนโดย “ไม่ตั้งใจ” อาจจะไม่โดนข้อหาอะไร (เพราะไม่ได้มีเจตนาใช้น่ะนะ) แต่ถ้าคุณรู้แล้วยังใช้ จะมีความผิดนะจ๊ะ


ควรเช็กเลขตัวถังรถก่อนซื้อรถมือสอง

สำหรับผู้ที่ใช้รถสวมทะเบียนปลอม จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 ที่ระบุไว้ว่า ผู้ใดปลอมเอกสารสิทธิ หรือเอกสารราชการ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 1000 - 10,000 บาท

แต่ถ้า "ตั้งใจ" ซื้อรถสวมทะเบียนมา จะถูกดำเนินคดีในข้อหารับซื้อของโจร ฐานซื้อทรัพย์สินที่ได้มาโดยการกระทำผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตราที่ 357 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


ใช้รถสวมทะเบียนมีความผิด

อ่านเพิ่มเติม >>

ในหมวดเดียวกัน