MAZDA CX-5
ใครที่กำลังมองหารถใหม่ป้ายแดงประเภทรถ SUV และยังลังเลตัดสินใจไม่ได้สักทีว่าจะซื้อยี่ห้อไหน ลองหันมามอง MAZDA CX-5 รถ SUV ระดับพรีเมี่ยมดูไหม ซึ่ง MAZDA CX-5 ทางมาสด้าได้เน้นหนักไปในด้านการออกแบบและดีไซน์ทีสวยงามเน้นภาพลักษณ์ที่ทำให้ Mazda CX-5 ดูมีชิวิตและจิตวิญญาณในการเคลื่อนไหวแบบเป็นธรรมชาติ ที่พัฒนาแนวคิดการออกแบบของ Kodo Design แต่ก็มีแอบใส่ความเหนือธรรมชาติเข้าไปเล็กน้อยด้วยการยกตัวรถและฐานล้อให้สูง ทำให้ห้องโดยสารมีความนิ่งและนุ่มมากขึ้น MAZDA CX-5 มีทั้งหมด 5 รุ่น คือ
2.0 C ราคา 1,290,000 บาท
2.0 S ราคา 1,400,000 บาท
2.0 SP ราคา 1,530,000 บาท
XD ราคา 1,560,000 บาท
XDL ราคา 1,770,000 บาท
ส่วนสีสัน Mazda CX-5 ก็มีให้เลือกมากถึง 6 สี คือ Machine Gray , Soul Red Crystal , Snow Flake White Pearl , Sonic Silver , Deep Crystal Blue , Jet Black
โคมฟ้าหน้าแบบโปรเจคเตอร์ LED
ยิ่งถ้าใครยื่นชอบและหลงใหลในโคมไฟโปรเจคเตอร์หละก็ใช้เลย เพราะ MAZDA CX-5 ได้จัดโคมฟ้าหน้าแบบโปรเจคเตอร์ LED ที่สามารถการส่องสว่างได้แบบอัตโนมัติ กระจังหน้าเป็นแบบรังสีผึ้งสีดำเงา ประดับกระจังหน้าด้วยแถบโครเมียมขยายปีกขึ้นมารองรับกับไฟหน้าอย่างสวยงาม
ภายในห้องโดยสาร
ภายในห้องโดยสาร
ดีไซน์ HMI (Human-Machine Interface)
เมื่อเปิดประตูเข้าไปภายในห้องโดยสารของ Mazda CX-5 คุณจะพบว่าภายในสวยงามมากเพราะถูกดีไซน์ HMI (Human-Machine Interface) คอนโซลหน้าแบบ Metal Wood ผสานความเป็นสปอร์ตลงไปอย่างลงตัว วัสดุที่ใช้ตกแต่งจะเป็นการผสมผสานกันระหว่าง พลาสติกลายไม้ผิวกึ่งมันกึ่งด้าน และวัสดุสีดำเงา แถมยังตัดขอบด้วยเส้นอะลูมิเนียมสีเงินกึ่งเงาด้าน ส่วนเบาะเป็นเบาะหนังสีน้ำตาลส่วนเบาะรองนั่งนั้นก็นุ่มพอดีไม่แข็งหรือนุ่มจนเกินไปแบบว่านั่งกำลังสบาย เบาะนั่งคนขับพนักพิงก็ถูกออกแบบมาให้ใหญ่เพื่อรองรับแผ่นหลังของคนขับเพื่อให้รู้สึกสบายตัวไม่ปวดเมื่อยขณะขับรถทางไกล และยิ่งไปกว่านั้นเบาะคู่หน้ายังสามารถปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้า และเบาะคนขับสามารถปรับได้มากถึง 8 ทิศทาง ไม่ว่าจะเอนไปข้างหน้า ถอยหลัง ปรับยกหรือกดลง หรือจะปรับเบาะรองนั่งไปข้างหน้าหรือข้างหลังก็ยังทำได้ และเบาะคนขับยังมีระบบบันทึกตำแหน่งของคนขับได้ถึง 2 ตำแหน่ง ส่วนเบาะของผู้โดยสารด้านหน้าก็ไม่น้อยหน้าสามารถปรับได้ถึง 6 ระดับ
จับกระแสความร้อนแรงของรถราคาหลักล้าน Toyota C-HR 2018 ปะทะ Mazda CX-3
NEXT GEN’ แล้วโลกจะได้เห็น.. Mazda 6 เครื่องซูปเปอร์ชาร์จ 6 สูบ!?
เบาะหลังนั้น Mazda CX-5 ก็ได้จัดเบาะรองนั่งให้ผู้โดยสารด้านหลังแบบดีเลยทีเดียวเพราะจัดมาแบบใหญ่หนานุ่มแบบกำลังดี แต่ถ้าคนที่ชอบความสบายอาจจะขัดใจนิดหน่อยเพราะเบาะหลังสามารถเอนได้เพียงแค่ 1 นิ้วเท่านั้น
เบาะหลังสามารถแยกพับได้ 3 ส่วน แบบ 40:20:40
เบาะหลังสามารถแยกพับได้ 3 ส่วน แบบ 40:20:40
แต่ถึงจะเป็นรถ SUV ขนาด 7 ที่นั่ง Mazda CX-5 ก็ยังออกแบบมาแบบ 2 in 1 คือจะนั่งแบบเต็มทั้ง 7 ที่นั่งก็ได้เหรือจะปรับเบาะหลังเป็นพื้นที่เก็บของวางสัมภาระต่างๆ ก็ยังได้ เพราะสามารถแยกพับได้ 3 ส่วน แบบ 40:20:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการเก็บของได้มากถึง 505 ลิตร
จอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว
นอกจากรูปลักษณ์นอกและภายในห้องโดยสารที่มายั่วน้ำลายกันพอสมควรแล้ว ลองมาดูสิ่งอำนวยความสะดวกด้านในกับบ้างว่า Mazda CX-5 จับอะไรใส่มาให้บ้าง Mazda CX-5 ได้จัดชุดใหญ่ไฟกระพริบมาให้ผู้ที่หลงรักความล้ำสมัยของเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็น Mazda CX-5 จอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว เรียกได้ว่าจัดมาให้แบบกำลังพอเหมาะไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป มาพร้อมกับลำโพง 6 ตำแหน่ง และยังมีระบบสั่งงานด้วยเสียงผ่านระบบ MZD Connect ยิ่งไปกว่านั้นมีปุ่ม Drive selection ที่สามมารถเลือกโหมดการขับได้อีกด้วย และนอกจากนี้ Mazda CX-5 ยังมีการแสดงข้อมูลสําคัญในการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้ารถ ในระดับสายตาผู้ขับ และ Mazda CX-5 ยังใส่เทคโนโลยีล้ำนำไปอีกโดยที่ไม่ยอมน้อยหน้าค่ายอื่นด้วยการเชื่อมต่อกับโลกโซเชียลด้วยระบบ MZD CONNECT ที่ทำให้ไม่พลาดทุกการติดต่อสื่อสาร และยังสามารถรับ-ส่ง SMS จากสมาร์ทโฟนผ่านสัญญาณ Bluetooth พร้อมกับระบบ Infotainment ที่มีให้เลือกมากมายในแอพพลิเคชั่น Aha by HARMANTM รวมถึงระบบนำทาง Navigator
ปุ่มควบคุมบนพวงมาลัย
ส่วนพวงมาลัยก็ยังไม่ทิ้งแนวสปอร์ต เพราะพวงมาลัยของ Mazda CX-5 เป็นทรงสปอร์ตแบบ 3 ก้านหุ้มหนัง ด้านซ้ายจะเป็นปุ่มควบคุมชุดเครื่องเสียงรวมถึงระบบโทรศัพท์ และยังมีปุ่ม Info ใช้สำหรับเปลี่ยนข้อมูลบนชุดจอ MID ของหน้าปัด ส่วนด้านขวาเป็นชุดควบคุมระบบ Cruise Control โดยรุ่น 2.0 SP และ 2.2 XDL จะใช้ปรับระยะห่างจากรถคันหน้าในโหมดการทำงานของ MRCC – Mazda Radar Cruise Control ด้วย
เครื่องยนต์ SKYACTIV-D ดีเซล 2.2 ลิตร
ด้านสมรรถนะเครื่องยนต์ Mazda CX-5 เป็นเครื่องยนต์ SKYACTIV-D จัดเครื่องมาให้ 2 แบบ ทั้ง เครื่องยนต์สกายแอคทีฟ คลีนดีเซล 2.2 ลิตร ที่เครื่องยนต์เงียบพอใช้ได้เลย ให้กําลัง 175 แรงม้า แรงบิดสูง 420 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมันมากถึง 17.5 กิโลเมตร / ลิตร ส่วนเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ เบนซิน 2.0 ลิตร ให้กําลัง 165 แรงม้า แรงบิดสูง 210 นิวตัน-เมตรประหยัดน้ำมัน 13.9 กิโลเตร / ลิตร
หลังจากที่ได้ทดลองใช้งานเจ้า Mazda CX-5 เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร มาสักพักก็พอจะรู้ถึงสมรรถนะของเครื่องยนต์พอสมควรจึงจะมาขอแชร์ประสบการณ์ให้สาวก Mazda CX-5 หรือผู้ที่กำลังสนใจและกำลังตัดสินใจที่จะถอย Mazda CX-5 ออกมาขับขี่ว่าจริงๆ แล้ว Mazda CX-5 นั้นเหมาะกับคุณหรือไม่ การใช้งาน Mazda CX-5 ส่วนใหญ่จะใช้แต่ในเมืองเพราะฉะนั้นเรื่องการทดสอบสมรรถนะของเครื่องจึงไม่ค่อยจะทำได้เต้มมที่สักเท่าไหร่ แต่วันนี้เป็นวันหยุดยาวหลายวันจึงได้มีโอกาสนำ Mazda CX-5 ออกมาเผชิญกับโลกภายนอกดูบ้างว่าจริงๆ แล้วสมรรถนะของเครื่องยนต์ SKYACTIV-D นั้นจะแรงสมคำล้ำลือจริงหรือไม่
Mazda CX-5
ระยะแรกที่ยังใช้ความเร็วได้ไม่มากนักก็รู้สึกเฉยๆ เหมือนกับขับรถยี่อื่นทั่วไป แต่พอเริ่มออกนอกเมืองถนนโล่งและสามารถเร่งความเร็วได้เต็มที่ก็เลยลองอัดสักประมาณ 120 กิโลเตร/ชั่วโมง ซึ่งรอบของเครื่องยนต์จะอยู่ที่ 2,250 รอบ ซึ่งความเร็วระดับนี้ก็ถือว่าเร็วมากพอสมควรจนทำให้ต้องเสียเงินค่าได้เลยทีเดียว แต่ถึงแม่ว่านะเร่งความเร็วถึง 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ก็รู้สึกว่าเครื่องยนต์ตอบสนองได้เป็นอย่างดีราบรื่น ไม่กระตุก ไม่สั่น กำลังส่งดีมาก แถมยังรู้สึกนุ่มนวลมาก ไม่กระด้าง เสียงสั่นสะเทือนหรือเสียงรบกวนต่างๆ ก็ไม่ค่อยมี อาจจะมีบ้างแต่ก็น้อยมากถือว่ารับได้
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
ถุงลมนิรภัย 6 จุด
กล้องมองหลัง
ส่วนพวงมาลัยก็รู้สึกว่าช่วงเวลาที่ใช้ความเร็วมากๆ นั้น พวงมาลัยไม่หนัก จะรู้สึกเบาสบายมาก และทำให้รู้สึกขับขี่มั่นใจมากขึ้น ส่วนเรื่องระบบความปลอดภัยก็ถือว่าดีมากปลอดภัยไร้กังวล เพราะ Mazda CX-5 จัดมาให้แบบไม่อั้น มีทั้ง ดิสก์เบรค 4 ล้อ มีระบบ ABS แบบกระจายแรงเบรก ระบบช่วยทรงตัวขณะขับขี่และเข้าโค้งระบบนี้ถือว่าดีมากเพราะการขับรถทางไกลในต่างจังหวัดบางช่วงของถนนจะเป็นทางโค้งและโค้งแบบรุนแรงมาก บางช่วงโค้งหักศอกก็ยังมี ซึ่งถ้าเป็นมือใหม่หัดขับหรือไม่ชำนาญทางและระบบความปลอดภัยในรถไม่ดีพอก็อาจจะทำให้หลุดโค้งได้ และยิ่งถ้าไปเจอช่วงฝนตกถนนลื่นก็ยิ่งอันตราย แต่สำหรับ Mazda CX-5 นั้นถือว่าเป็นรถ SUV ที่ดีมากเพราะทำให้การเข้าโค้งง่ายขึ้นไม่โครง ไม่สะบัด และยังสามารถคืนพวงมาลัยและกลับเข้าสู่เลนได้อย่าง่ายดาย ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชันทำให้รู้สึกว่าการออกตัวบนทางลาดชั้นปลอดภัยมากยิ่งขึ้นไม่ต้องกลัวว่ารถจะไหล และนอกจากนี้ก็ยังมีสัญญาณไฟฉุกเฉินแบบอัตโนมัติเมื่อมีการเบรกกะทันหัน, ระบบล็อคประตูอัตโนมัติ, กล้องมองหลัง, ถุงลมนิรภัย 6 จุด ที่คู่หน้า ด้านข้าง และม่านศีรษะ กล้องมองหลังที่มีเซนเซอร์ในการควบคุมถึง 8 จุด ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และยังมีระบบเมื่อผู้ขับขี่ออกนอกเลนและกลับเข้าเลนแบบอัตโนมัติ ระบบการหยุดรถแบบอัตโนมัติเมื่อมีเหตุฉุกเฉินหรือสิ่งกีดขวางด้านหน้า และระบบการเบรกแบบอัตโนมัติเมื่อมีรถอยู่ด้านหลังขณะถอย
สมรรถนะช่วงล่างของ Mazda CX-5 ถือว่าเป็นการออกมาได้ดีมากรู้สึกประทับใจ เพราะเมื่อได้ทดลองขับโดยใช้ความเร็ว 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ก็พอจะรู้ได้ว่าช่วงล่างนุ่มและหนึบ ไม่ได้นุ่มแล้วโคลงเคลง เพราะ Mazda CX-5 ได้ถูกปรับการตั้งค่าสปริงและโช๊ตอัพมาเป็นอย่างดี รวมถึงบู๊ชปีกนกก็เป็นแบบมีของเหลวเพื่อช่วยลดเสียงและการสั่นสะเทือนได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าเจอถนนที่มีอุปสรรคสักหน่อย อย่างช่วงที่ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อหรือทางลูกรังก็แอบมีกระด้างบ้างแต่ไม่มากนัก ถือว่าพอรับได้ ไม่ใช้ปัญหาใหญ่อะไร เพราะปกติแล้วก็ไม่ค่อยจะได้เจอกับถนนแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่ถ้าใครที่ต้องเจอสภาพถนนแบบนี้บ่อยก็อาจจะต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ให้มาก อาจจะต้องลดความเร็วลงมากสักหน่อยและค่อยๆ หยอดเพื่อป้องกันการเสียหายของช่วงล่าง
เป็นอย่างไรบ้างสำหรับประสบการณ์ในการใช้ Mazda CX-5 ที่นำมาแชร์กันในวันนี้ เมื่อได้อ่านแล้วรู้สึกว่าถูกใจ Mazda CX-5 บ้างหรือไม่ หรือยังรู้สึกมันไม่สุด ยังได้ความรู้ไม่มากพอ ถ้าอย่างนั้นก็สามารถจะเข้าไปสอบถามและทดลองขับได้ที่โชว์รูม Mazda ทุกสาขาทั่งประเทศ หรือจะเข้าไปศึกษาข้อมูลเบื้อต้นได้ที่ https://www.mazda.co.th
ดูเพิ่มเติม:
- บอกเล่าประสบการณ์ใช้รถยนต์ Mazda CX-5 มีข้อดี ข้อเสีย หรือปัญหาอะไรบ้าง
- NEW Honda City Minor Change 2018 “เหนือกว่าที่สุด คือที่สุดในทุกด้าน”
- ประชันความสวยสมรรถนะเยี่ยม ระหว่าง NEW Honda City Minor Change 2018 และ Suzuki Ciaz