สำหรับ Chevrolet Captiva นั้น หลายคนถือว่าเป็น SUV 7 ที่นั่ง ที่สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนเมืองได้อย่างดีและลงตัว ด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวาง สามารถปรับเบาะได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งช่วยให้เพิ่มพื้นที่ภายในได้มากขึ้น ที่สำคัญไม่ว่าจะดำเนินชีวิตอย่างไร ทุกการขับขี่ยังคงประสิทธิภาพอยู่เสมอ ตลอดจนระบบภายในรถที่ช่วยให้ Chevrolet Captiva กลายเป็นยนตรกรรมที่ดีที่สุดสำหรับ SUV เลยก็ว่าได้ ซึ่งเราจะมาทำความเข้าใจกันว่า เพราะอะไรถึงต้องเลือก Chevrolet Captiva มาเป็นรถสำหรับครอบครัว
รีวิวรถยนต์ Chevrolet Captiva 2018
Chevrolet Captiva นั้น ถือว่าเป็นยนตรกรรมแห่ง SUV ตัวจริง ด้วยการสร้างสรรค์ให้ตอบโจทย์การใช้งานในรูปแบบของครอบครัวได้มากที่สุด ด้วยห้องโดยสารที่กว้าง และการปรับพื้นที่ใช้สอยได้ตามต้องการ ตลอดจนระบบการเชื่อมต่อต่างๆที่ช่วยให้การขับขี่เป็นไปอย่างสนุกสนานมากขึ้น อย่างเช่น ระบบที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน USB และ Bluetooth อย่างในตัว Apple CarPlay ที่สามารถช่วยให้เข้าถึงแอปพลิเคชั่นต่างๆผ่านการสั่งงานด้วยเสียง เป็นต้น
ดีไซน์ภายนอก Chevrolet Captiva
ดีไซน์ภายนอก Chevrolet Captiva
นอกจากนี้ ในส่วนของดีไซน์เอง ก็เน้นไปที่ความหรูหรา และสปอร์ตแบบเหนือระดับ ที่ไม่สามารถละสายตาได้เลยแม้แต่นิดเดียว ถือว่าเป็นการดีไซน์ที่ล้ำสมัยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกระจังหน้าที่ดีไซน์หรู ออกแบบอย่างพิถีพิถัน ตกแต่งด้วยโครเมียม ไฟหน้าโปรเจคเตอร์อัตโนมัติ ดีไซน์โฉบเฉี่ยว ตลอดจนไฟ Daytime Running Light ช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์ในการมองเห็น หรือแม้กระทั่งล้ออัลลอยด์ 19 นิ้ว สีทูโทน ที่ทำให้เพิ่มความสปอร์ตให้กับตัวรถ ยังไม่รวมถึงดีไซน์ภายใน ที่ออกแบบมาให้กว้างขวาง สะดวกสบาย สามารถปรับเปลี่ยนที่นั่งได้ตามการงาน ตลอดจนระบบต่างๆที่ติดตั้งมาพร้อมกัน ที่ทำให้หลายคนตัดสินใจเลือก Chevrolet Captiva มาเป็น SUV ประจำครอบครัว
ดีไซน์ภายใน Chevrolet Captiva
ในส่วนของดีไซน์นั้น ถือว่าได้เปรียบค่อนข้างมาก เพราะการที่ทำให้รถดูกว้างขวางและรองรับคนที่สูงมากกว่า 170 ซม. ให้นั่งได้อย่างสบายนั้น ถือเป็นโจทย์ที่ทางค่ายต้องตีให้แตก และแน่นอนว่า Chevrolet Captiva นั้น ทำให้ผู้ใช้งานที่สูงมากกว่า 170 ซม. นั่งได้โดยไม่ติดขัดอะไร ด้วยพื้นห้องโดยสารที่เตี้ยกว่า จึงมีส่วนทำให้ห้องโดยสารมีความโปร่ง สามารถนั่งได้อย่างสบาย และแน่นอน ในส่วนของสมรรถนะเอง ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ไม่ได้มีความอืดมากแม้จะบรรทุกของหลายอย่าง ซึ่งเราจะยกตัวอย่างของเสียงรีวิวจากผู้ใช้จริงมาให้อ่าน ดังนี้
พื้นที่ภายในของ Chevrolet Captiva
“พอใจกับการออกแบบภายในรถมาก รวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆมากมาย”
“สมรรถนะถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี มีอืดบ้างแต่ก็ไม่ได้ทำให้หงุดหงิดใจอะไร”
และแน่นอน มีเสียงชมก็ต้องมีติติงกันบ้าง โดยเฉพาะปัญหาในเรื่องของบริการหลังการขาย ที่บางคนก็ไม่ค่อยพึงพอใจเท่าใดนัก อย่างเช่นตัวอย่างเสียงรีวิวดังนี้
“ปัญหามันอยู่ที่การบริการหลังการขาย ที่แก้ไม่จบ หรือว่าไม่มีทักษะในการจัดการปัญหา”
“รู้สึกว่าเมื่อเกิดปัญหาแล้ว ไม่ได้รับการดูแล และการแก้ไขที่ดีเท่าไหร่”
ล้ออัลลอยด์ของ Chevrolet Captiva
ท่อไอเสียของ Chevrolet Captiva
เรียกได้ว่า ตั้งแต่เปิดตัว Chevrolet Captiva 2017 นั้น ก็สามารถตีตลาดแตกได้อย่างดี โดยเฉพาะการเพิ่มสีขาวมุกเอาใจลูกค้าที่เป็นเพศหญิงมากขึ้น ซึ่งสามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าได้ดีเลยทีเดียว เรียกได้ว่า มากกว่า 50% ของลูกค้า คือกลุ่มของเพศหญิงนั่นเอง สำหรับราคานั้น จะเริ่มต้นที่ 1 ล้านบาท ยกตัวอย่างตามรุ่นดังต่อไปนี้
Chevrolet Captiva 2.0 AWD LTZ 2016 ราคา 1.68 ล้านบาท
Chevrolet Captiva 2.4 AWD LTZ 2016 ราคา 1.54 ล้านบาท
Chevrolet Captiva 2.0 FWD LTZ 2016 ราคา 1.53 ล้านบาท
Chevrolet Captiva 2.0 FWD LSX 2016 ราคา 1.38 ล้านบาท
Chevrolet Captiva 2.4 FWD LSX 2016 ราคา 1.24 ล้านบาท
Chevrolet Captiva 2.0 DSL AWD LTZ (White Pearl) 2017 ราคา 1.69 ล้านบาท
Chevrolet Captiva 2.4 GAS AWD LTZ (White Pearl) 2017 ราคา 1.55 ล้านบาท
รีวิว Chevrolet Captiva
หลักๆแล้ว ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนั้นมักจะเป็นไปตามขั้นตอนเสียมากกว่า อย่างเช่น หากต้องการเพิ่มออฟชั่นให้กับรถ ก็อาจจะต้องไปจ่ายในส่วนการตกแต่งรถแทน แต่ถ้าหากรถมีปัญหา อย่างในกรณีที่รถอายุ 5 ปีครึ่ง หากศูนย์แจ้งมาว่าต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มเติม ก็จะต้องไปดูว่าสาเหตุเกิดขึ้นเพราะอะไร ประกันที่ทำไว้คุ้มครองหรือไว้ การซ่อมบำรุงและการดูแลของศูนย์บริการมีค่าใช้จ่ายอื่นๆอย่างไร ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่คนใช้รถทุกคนจะต้องมีเงินสำรองในกรณีฉุกเฉินด้วย
รถยนต์ Chevrolet Captiva
ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันคนหันมาใช้รถ SUV กันมากขึ้น เพราะนอกจากจะได้รถที่ใช้งานได้อย่างหลากหลายตรงตามความต้องการ สมรรถนะต่างๆเองก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อ SUV และแน่นอนว่า Chevrolet Captiva เอง ก็เป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่สามารถสร้างสรรค์รถ SUV ให้ได้ตรงตามที่ตลาดกำลังต้องการ ทั้งราคาที่จับต้องได้ จึงไม่แปลกใจเลยหากจะเห็นรถรุ่นนี้วิ่งอยู่ตามถนนอยู่เป็นประจำ ทั้งนี้ การใช้งานรถเองก็จะต้องขึ้นอยู่กับเจ้าของด้วยเช่นเดียวกัน ว่าดูแลรักษาดีหรือไม่ การใช้งานเป็นอย่างไร ตรวจเช็คสภาพบ่อยมากแค่ไหน เป็นต้น เพราะบางครั้งคนที่ใช้รถโดยไม่ได้ดูแล หากมาบอกต่อว่ารถรุ่นนี้ไม่ดี ก็ไม่สามารถยืนยันได้จริง ว่าไม่ดีเพราะอะไร ดังนั้นการเลือกซื้อรถแต่ละครั่งผู้ซื้อจะต้องตัดสินใจและศึกษาข้อมูลให้ละเอียดด้วยตัวเอง
อ่านเพิ่มเติม :