รถจักรยานยนต์ หรือที่เรียกกันติดปากว่ามอเตอร์ไซค์นั้นมีหลายประเภท โดยจะมีความแตกต่างกันทั้งในด้านรูปลักษณ์ ขนาด ราคา สมรรถนะ รวมถึงจุดประสงค์ในการใช้งาน ซึ่งแต่ละประเภทมีอะไรบ้าง มาดูกัน
รถแม่บ้าน หรือรถครอบครัว (Family) มอเตอร์ไซค์ขนาดเล็ก สมรรถนะไม่แรง ข้อดีคือประหยัดน้ำมัน และมีความทนทานสูง จึงใช้งานได้นาน ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการรถมอเตอร์ไซค์เอาไว้ใช้งานใกล้ ๆ บ้าน หรือจะนำมาประกอบอาชีพส่งของ/ส่งอาหารก็ไหวเช่นกัน รถแม่บ้านมีให้เลือกหลายยี่ห้อ ทั้งรุ่นสตาร์ตเท้าและสตาร์ตมือแล้วแต่ความสะดวกของผู้ใช้ สำหรับราคาจะอยู่ที่หลักหมื่น แม้จะเป็นรุ่นท็อปแบรนด์ดังก็ไม่เกินไปกว่านี้ เรียกได้ว่าเป็นมิตรผ่อนสบาย
รถบ้านแนวสปอร์ต หรือรถกะเทย (Sport Family) โดดเด่นมาในรูปทรง Naked Bike โดนใจสายแว้นและสายแต่งรถ มีความทนทานสูง ใช้งานได้นาน เครื่องยนต์จะเป็นแบบสูบ มีคลัทช์มือ สมรรถนะดีและให้ความคล่องตัวสูงกว่ารถแม่บ้าน รองรับการใช้งานได้ทั้งหนักและเบา ขับขี่ไกล ๆ ก็ไม่หวั่น มีให้เลือกหลายรุ่นหลายยี่ห้อ โดยราคาจะอยู่ที่หลักหมื่น เงินเดือนหมื่นต้น ๆ ก็ยังผ่อนไหว
ได้รับความนิยมมาก ๆ สำหรับรถสกู๊ตเตอร์ (Scooter) หรือที่เรียกอีกชื่อว่ามอเตอร์ไซค์ออโตเมติก เพราะใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติขับเคลื่อนด้วยสายพานนั่นเอง จุดเด่นคือขับขี่ง่าย สตาร์ตง่าย ไม่ต้องเข้าเกียร์ มาในขนาดพอดี ทำให้ควบคุมรถและนั่งได้สบาย สมรรถนะไม่แรงมาก แต่ประหยัดน้ำมัน มีความทนทาน และใช้งานได้นาน ด้านราคาจะอยู่ที่หลักหมื่น ผ่อนได้สบาย จะใช้ขับใกล้หรือไกลก็ได้ หรือใช้ส่งอาหาร/ส่งของทุกวันก็ไหว
บิ๊กสกู๊ตเตอร์ (Big Scooter) พูดง่าย ๆ ก็คือรถสกู๊ตเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ ได้รับการออกแบบให้ผู้ขับขี่นั่งหลังตรงรับกับแผ่นบังลมพอดี ช่วยลดความปวดเมื่อยระหว่างขับขี่ ทั้งยังควบคุมง่าย และมีสมรรถนะดี สามารถเลือกได้ตั้งแต่ 500 ซีซี. - 800 ซีซี. แล้วแต่รุ่นและยี่ห้อ ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการรถไว้ใช้ขับระยะไกล เดินทางต่างจังหวัด หรือออกทริปบ่อย ๆ ในส่วนของราคาก็ถือว่าสูง เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกเล็ก ๆ น้อย ๆ แถมมาด้วย แต่เมื่อเทียบกับคุณภาพที่ได้แล้วจัดว่าคุ้มเลยทีเดียว
รถสปอร์ต (Sport Bike) มอเตอร์ไซค์ทรงสปอร์ต มาในตัวถังขนาดใหญ่ ให้สมรรถนะแรง รวมถึงมีเทคโนโลยีช่วยขับขี่แบบจัดเต็ม ตอบโจทย์ไบค์เกอร์สายซิ่ง ออกทริปต่างจังหวัดบ่อย ๆ ทว่ารถประเภทนี้จะขับยากกว่ามอเตอร์ไซค์ปกติ ผู้ใช้จึงต้องมีทักษะในการขับขี่ประมาณหนึ่ง เพราะได้รับการออกแบบให้ต้องก้มตัวตลอดเวลา สร้างความปวดเมื่อยให้กับผู้ใช้พอสมควรเลย ทั้งยังมีราคาสูงพอ ๆ กับคุณภาพที่ได้รับ ต้องบอกว่าถ้าใจไม่รักจริงคงโบกมือลา
สปอร์ตทัวร์ริ่ง (Sport Touring) เป็นการผสานระหว่าง Sport Bike กับ Touring Bike มาในรูปลักษณ์เท่ โฉบเฉี่ยวคล้ายรถสปอร์ต แต่ช่วงท้ายจะโด่งน้อยกว่า ข้อดีคือขับแล้วไม่เมื่อยเท่าไหร่ เพราะออกแบบมาให้เอนตัวขับเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ต้องก้มหรือโค้งตัวเยอะเหมือน Sport Bike ทั้งยังมีสมรรถนะที่จัดว่าใช้ได้ รองรับการใช้งานได้ทั้งในชีวิตประจำวันและออกทริปไกล ๆ
ด้วยจุดประสงค์เพื่อการเดินทาง ทำให้ รถทัวร์ริ่งไบค์ (Touring Bike) มีขนาดใหญ่กว่ารถปกติ มาพร้อมระบบช่วยขับขี่และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอีกมากมาย ได้รับการออกแบบมาให้ผู้ขับขี่นั่งหลังตรงได้ ทั้งยังมีพนักพิงมาให้ผู้ซ้อนอีกด้วย ด้านสมรรถนะไม่จัดว่าแรงแต่ขับได้เรื่อย ๆ สมกับเป็นรถเพื่อการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังขับเคลื่อนด้วยเพลาหลังทำให้นุ่มนวลกว่ารถทั่วไป แต่ก็มีราคาแพงเช่นกัน
ต้องบอกว่าฮิตสุด ๆ ในหมู่วัยรุ่นสำหรับเนกเก็ตไบค์ (Naked Bike) จุดเด่นอยู่ที่ความเปลือยโชว์ตัวเครื่องยนต์สมชื่อ Naked (แปลว่าเปลือย) ทำให้โดนใจไบค์เกอร์หลาย ๆ คน มาพร้อมรูปทรงกระชับ ให้ความคล่องตัวสูง มีการออกแบบทั้งให้ผู้ใช้นั่งหลังตรงและก้มตัวบ้างเล็กน้อย (แล้วแต่รุ่น) สมรรถนะใช้ได้ ไม่จัดว่าแรงมาก ตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกระยะทาง
รถกึ่งเอนกประสงค์ (Dual Purpose) มอเตอร์ไซค์สำหรับการผจญภัย เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความแอดเวนเจอร์ เพราะออกแบบมาเพื่อการบุกลุยใช้งานได้ในทุกเส้นทางทั้งออนโรดและออฟโรด มีการจัดตำแหน่งมาให้ผู้ขับขี่นั่งหลังตรง มือจับแฮนด์ขับได้อย่างสบาย ไม่ปวดเมื่อยระหว่างขับขี่ แต่ก็มีราคาสูงเช่นกัน
ตอบโจทย์การใช้งานทุกประเภทสำหรับรถอเนกประสงค์ (Multi Purpose) ได้รับการออกแบบให้ตัวแฮนด์ที่มีความสูงกว่าเบาะ ทำให้นั่งขับขี่ได้อย่างสบาย มาพร้อมชิวหน้าแบบทัวร์ริ่งลดลมปะทะคนขับ และแฟริ่งคลุมรอบคันทำให้ดูสปอร์ต
เห็นอยู่บ่อย ๆ ในสนามแข่ง สำหรับรถวิบาก (Enduro) มอเตอร์ไซค์สำหรับสายผจญภัย ได้รับการออกแบบมาเพื่อการบุกลุยในเส้นทางออฟโรด ทั้งในถิ่นทุรกันดาร และขึ้นเขา-ลงห้วย ทำให้มีดอกยางขนาดใหญ่เพื่อใช้ตะกุยทางขรุขระ ด้านหลังมีท่อสูงป้องกันน้ำเข้าเครื่องยนต์ ส่วนด้านหน้ามาพร้อมโช้คขนาดใหญ่ พร้อมกับการกระแทกในเส้นทางทุกสภาพ (แต่ไม่ค่อยเหมาะกับทางเรียบ)
รถโมตาร์ด (Motard) จะมีลักษณะคล้ายกับรถวิบาก แตกต่างกันที่ขนาดยางซึ่งถูกเปลี่ยนให้มีเส้นผ่าศูนย์กลางเล็กลง (แต่ก็ยังหนาและใหญ่กว่ารถมอเตอร์ไซค์ปกติอยู่ดี) ใช้งานได้ดีบนทางเรียบ บุกลุยได้เหมือนเดิม แม้จะไม่ไปสายผจญภัยจ๋าแบบรถวิบากก็ตาม
รถชอปเปอร์ (Chopper หรือ Cruiser) เอกลักษณ์ของรถประเภทนี้คือ “ความดังของท่อ” ที่จะดังเป็นจังหวะเหมือนเสียงเฮลิคอปเตอร์ นั่นเพราะมีเครื่องยนต์เป็นรูปตัววีและมีการจุดระเบิดพร้อมกัน ขับทีเสียงจะดังมาก ด้านการออกแบบนั้นมีการจัดวางให้แฮนด์รถอยู่สูง ส่วนแฮนด์บาร์มีความกว้าง แต่เบาะต่ำกว่ารถประเภทอื่น ระยะความกว้างของรถก็ยาวมาก ตอนขับจึงต้องยืดตัว อาจจะเมื่อยแขนหน่อย ๆ
ประเภทรถจักรยานยนต์มีให้เลือกมากมาย ขึ้นอยู่กับความชอบ ความต้องการ รวมถึงจุประสงค์ในการใช้งานของผู้ขับขี่ ซึ่งแต่ละประเภทจะมีราคาต่างกัน ขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อที่เลือก
อ่านเพิ่มเติม >>