สุดทุกคัน ! กับ 10 อันดับ Super (Big) bike แรงและเร็วที่สุดในโลกปี 2019

20 มี.ค. 2562 | 4185 View | บิ๊กไบค์

เราจะไม่เถียงคุณว่าเรื่องของ “ความแรงที่สุด” ในรถมอเตอร์ไซค์สักหนึ่งคัน หาได้เป็นความสำคัญที่สุดสำหรับการซื้อรถในแต่ละคน แต่ยอมรับเถอะ ! ว่าแม้คุณจะไม่ได้มีความคิดที่จะซื้อรถ Super (Big) bike เหล่านี้มาขับ แต่ก็ยังคง “สนใจใคร่รู้” ว่ารถรุ่นไหนที่ขึ้นแท่นอันดับเป็นรถจักรยานยนต์ที่เร็วและแรงที่สุดในโล

image001


เราจะไม่เถียงคุณว่าเรื่องของ “ความแรงที่สุด” ในรถมอเตอร์ไซค์สักหนึ่งคัน หาได้เป็นความสำคัญที่สุดสำหรับการซื้อรถในแต่ละคน แต่ยอมรับเถอะ ! ว่าแม้คุณจะไม่ได้มีความคิดที่จะซื้อรถ Super (Big) bike เหล่านี้มาขับ แต่ก็ยังคง “สนใจใคร่รู้” ว่ารถรุ่นไหนที่ขึ้นแท่นอันดับเป็นรถจักรยานยนต์ที่เร็วและแรงที่สุดในโลกที่มีขายอยู่บนโลกตอนนี้ คันไหนรุ่นไหนที่จะติดอันดับ และคันไหนคือรถ Bigbike แรงและเร็วที่สุดในโลก วันนี้ Bikeandmotor จะมาเล่าให้ฟัง
10 อันดับ Super (Big) bike ตัวแรงและเร็วที่สุดในโลกปี 2019
เมื่อการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งในเทคโนโลยีของโลกสองล้อต่างหมุนไปแบบไม่มีวันหยุด ทุกปีที่เลยผ่านรถที่ได้ชื่อว่าเคยแรงที่สุดในโลกของแต่ละปีก็จะเปลี่ยนหน้าไปทันทีเมื่อมีรุ่นใหม่มาแทนที่ และในปี 2019 นี้ จะมี “ตัวแรงสองล้อ” ที่ขายอยู่รุ่นไหนบ้าง ? ที่ได้ชื่อว่าเป็น Super (Big) bike ที่แรงและเร็วที่สุดในโลก ไปดูกันเลยกับ 10 อันดับดังต่อไปนี้ อันดับ 10 : Suzuki GSX-R1000 – 295 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
Suzuki GSX-R1000 ไม่เน้นแรงติดอันดับ แต่ก็ไว้ใจได้เมื่อต้องการความเร้าใจตอนบิดคันเร่ง
กับจำนวนม้าในคอกกว่า 202 ตัว ไม่ยากเลยที่จะส่งให้เจ้าตัวแรงขึ้นชื่ออย่าง Suzuki GSX-R1000 คันนี้ทะยานขึ้นมาติดอันดับที่ 10 ของชาร์ทได้อย่างง่ายดาย ซึ่งดูเหมือนว่าทาง Suzuki ก็ไม่ได้ “หยี่หร่ะ” อะไรมากมากในเรื่องของการดันให้เจ้า GSR-1000 คันนี้ต้องติดอันดับมอเตอร์ไซค์ที่แรงและเร็วที่สุดในโลกนัก แต่เน้นการขับขี่ที่เร้าใจในทุกช่วงจังหวะความแรงเป็นสำคัญกว่า ถ้าจะให้เทียบความเร็วสูงสุดก็ทำได้ไม่ขี้เหร่ เพราะสามารถโขยกความเร็วสูงสุดไปได้สูงสุดกว่า 295 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว อันดับ 9 : Suzuki Hayabusa – 295 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
Suzuki Hayabusa แม้จะมากับร่างท้วม ๆ แต่เรื่องความแรงก็ไม่ธรรมดา
กับตัวรถที่ดูไม่ได้ปราดเปรียวอะไรมากนักเมื่อเทียบกับหลาย ๆ รุ่นยุคนี้ ด้วยความที่ทำตลาดมาอย่างยาวนานกว่า 20 ปีและทางค่ายยังคงเอกลักษณ์ “ความอ้วนกลม” นี้ไว้ไม่เสื่อมคลาย  อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่า “Suzuki Hayabusa” จะมากับรูปทรงใหญ่ดูเทอะทะไปหมดตลอดทั้งคัน แต่ก็เคยขึ้นไปถึงสูงสุดได้ชื่อว่าเป็นรถ Bigbike ที่เร็วและแรงที่สุดในโลกมาแล้ว และเป็นหนึ่งรุ่นที่คนไทยหลายคนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะเคยเป็นที่นิยมของสายซิ่งสองล้อในบ้านเราอยู่ช่วงหนึ่ง ซึ่งถ้าใครอยากจะลองของบิดเทียบกับลุงอ้วนคันนี้แล้วละก็อาจต้องคิดใหม่ เพราะคุณอาจจะโดนสวนเอาง่ายด้วยความเร็วสูงสุดที่ทำได้อยู่ที่ 295 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อันดับ 7 ร่วม : Kawasaki ZZR1400 – 298 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ZZR 1400 ไม่ใช่รถที่ดูสปอร์ตจ๋า แต่ถ้าเรื่องความแรงแบบเร้า ๆ ก็หาตัวจับยากเช่นกัน
ในอันดับความแรงที่ 7 ร่วมที่ระดับ 298 กิโลเมตรต่อชั่วโมง Kawasaki ZZR 1400 คือคู่ต่อกรที่ “คุ้นมือ” กันเป็นอย่างดีกับ Suzuki Hayabusa มาจนถึงทุกวันนี้ ตั้งแต่ก่อนมีข้อตกลงที่จะสร้างรถที่ความแรงไม่เกิน 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมงด้วยซ้ำ และมันก็ทำให้รถคันนี้มีขนาดเครื่องยนต์ใหญ่อย่างกับรถเก๋งที่ 1.4L กับความเร็วสูงสุดที่มากกว่าเพียงไม่กี่กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ Kawasaki ZZR1400 ทำได้ จะให้พูดว่าได้เปรียบอยู่เต็มประตูก็คงจะดูฝืนปากไปสักหน่อยเมื่อเทียบกับ Hayabusa อันดับ 7 ร่วม : Kawasaki ZX-10R – 298 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
สปอร์ตเด็ดของค่ายนินจา ที่แม้เครื่องยนต์จะไม่ใหญ่โต แต่เรื่องความแรงไว้ใจได้
ย้อนกลับไปครั้งเมื่อ Honda Blackbird, Suzuki Hayabusa และ Kawasaki ZX-12R เถลิงความยิ่งใหญ่แข่งกันในเรื่องความแรงสูงสุด แต่รถเหล่านี้สามารถทำได้ในพิกัดเครื่องยนต์ที่เกิน 1,000 ซีซี เน้นแต่เรื่องความแรงของเครื่องยนต์ที่ขนาดใหญ่ ๆ ไว้ก่อน แทนที่จะมุ่งเน้นในเรื่องของแอโรไดนามิกหรือพัฒนาที่จุดอื่น ๆ เพื่อช่วยในเรื่องความแรงของตัวรถที่พัฒนาอย่างแท้จริง แต่เมื่อมาถึงในช่วงการมาถึงของ Kawasaki ZX-10R ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป ! แม้จะขนาดเครื่องจะให้มาเล็กกว่าอยู่ที่แค่ 1.0L “พันซีซี” ก็แรงได้มากกว่าด้วยเทคโลโลยีอย่างที่ Kawasaki ZX-10R ทำได้เหนือกว่าหรือเทียบเท่ารุ่นก่อน ๆ ทั้ง Suzuki Hayabusa และ Kawasaki ZZR1400 อันดับ 3 ร่วม : BMW S1000RR – 299 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
BMW S1000RR ฉลามขาวค่ายใบพัดสีฟ้ายอดนิยมของคนไทยและทั่วโลก
อย่าตกใจ ! ว่าทำไมข้ามจากอันดับ 7 แล้วมาที่อันดับ 3 เลย เพราะที่ระดับความแรงขั้นต่อมาจากนี้มีรถที่ทำได้ความแรงสูงสุดร่วมกันถึง 4 รุ่น เริ่มจากเจ้า “ฉลามขาว” สายยูโรคันนี้ที่เป็นอีกหนึ่งรุ่นขวัญใจของนักบิดชาวไทย BMW S1000RR ซึ่งเป็นตัวอย่างได้อย่างดีของข้อตกลง “Gentlemen’s agreement” สัญญาลูกผู้ชายแบบไม่มีลายลักษณ์อักษรที่ออกมาช่วงหลังปี 2000 ระหว่างบริษัทผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ ว่าด้วยเรื่องการเลิกแข่งกันสร้างรถที่เน้นแต่ความแรง ขนาดเครื่องยนต์ใหญ่ ๆ ยั่วให้เกิดการ “ลองของ” บนท้องถนนจนก่อให้เกิดอันตรายได้ง่าย แล้วมามุ่งเน้นรถที่ความแรงไม่เกิน 300 กิโลเมตรแทน อันดับ 3 ร่วม : Ducati Panigale FE/Superleggera – 299 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
Ducati Panigale Superleggera แรงสุดแตะระดับ 300 ก.ม./ช.ม. ได้ไม่ยาก
กับรถจาก Ducati ที่ใช้เครื่องยนต์แบบ V-Twin รุ่นส่งท้าย เน้นเรื่องความเบาของตัวรถเป็นสำคัญตามชื่อ Superleggera (เบามากกกกก !) ด้วยองค์ประกอบของคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งทั้งสองรุ่นใช้พื้นฐานตัวรถร่วมกัน รวมไปถึงสเปคเครื่องยนต์ และนั่นก็ก่อให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า จริง ๆ แล้วนั้นตัว Ducati Panigale ที่น้ำหนักมากกว่าจะสามารถเค้นความแรงออกมาได้เท่าตัว Superleggera หรือไม่ แต่ก็เป็นที่รู้กันว่ารุ่นใดรุ่นหนึ่งจะทำความเร็วได้ระดับแตะ 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอย่างแน่นอน อันดับ 3 ร่วม : Ducati Panigale V4 – 299 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ด้วยสัญญาลูกผู้ชายทางค่ายจึงต้องทำให้ Ducati Panigale V4 ดูมีมารยาทนิดหนึ่งยามที่อยู่บนท้องถนน
กับชื่อรุ่นเดิมที่ใหม่กว่าและพลังที่โหดกว่าตัวเครื่องสูบ V แฝด Ducati Panigale V4 ซึ่งสร้างความประหลาดใจในเรื่องความแรงสูงสุดและอัตราเร่งที่ “มาเร็ว” อย่างคาดไม่ถึง จนทำให้หลายคนสงสัยว่าจริง ๆ แล้วนั้นกับความแรงที่ระดับ 299 กิโลเมตรต่อชั่วโมงของ Ducati Panigale V4 คันนี้ กำลังถูก “กั๊ก” ไว้ด้วยสัญญาลูกผู้ชายหรือไม่ ? หรือที่จริงแล้วมันสามารถ “ปล่อยของ” ออกมาได้เต็มศักยภาพมากกว่านี้หรือเปล่า อย่างไรก็ตามที่ความแรงระดับนี้ก็สามารถช่วยดันให้ Panigale V4 ขึ้นไปติดอันดับโลกของ Superbike ที่แรงที่สุดในโลกได้ไม่ยากเลย อันดับ 3 ร่วม : Kawasaki Ninja H2 – 299 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ดิบ เถื่อน ไม่ต้องแฟริ่งเต็มคัน ก็สวยได้กับ Kawasaki Ninja H2
เมื่อเงื่อนไขของสัญญาลูกผู้ชาย “Gentlemen’s agreement” มีผลบังคับใช้ ผู้ผลิตจากสัญชาติญี่ปุ่นล้วนหนุนเงื่อนไขนี้กันอย่างถ้วนหน้า รวมไปถึงคันนี้ Kawasaki Ninja H2 กับเครื่องยนต์ขนาด 1000 ซีซี พ่วงคอกม้ากว่า 310 ตัว แต่ก็ไม่ได้ทำผิดสัญญาแมน ๆ แต่อย่างใด เพราะความแรงที่เคลมมาก็ไม่ได้เกิน 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เชื่อสิ ! ว่าในโลกแห่งความจริงเครื่องยนต์ตัวนี้สามารถปรับแต่งให้พุ่งทะยานเร่งเกิน “300” ได้อย่างง่ายดาย ไอที่ว่าความเร็วสูงสุดที่ 299 กิโลเมตรต่อชั่วโมงน่ะ มันก็แค่ “ภาพลวงตา” เท่านั้นแหละ อันดับ 2 : Aprilia RSV4 – 305 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เหมือน Aprilia จะเป็นหนึ่งค่ายที่เมินสัญญาลูกผู้ชาย “Gentlemen’s agreement”
เมื่อข้อตกลงในเรื่องสัญญาลูกผู้ชายเกิดขึ้น ดูเหมือนว่าทางฝั่งของค่าย Aprilia อาจไม่ได้รับเชิญในการประชุม เพราะท้ายที่สุดแล้วในเวลาต่อมาก็กลายเป็นการเริ่มต้นเดินทางที่น่าอัศจรรย์ของ “RSV Mille” เจ็นแรกของ RSV จนถึงตอนนี้กับ Aprilia RSV4 ที่ทำให้ความเร็วสูงสุดที่ทำได้ทะลุไปไกลกว่า 305 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเรียบร้อย และนั่นก็เป็นตัวเลขที่แรงกว่ารถ Superbike จากสัญชาติญี่ปุ่นหลายต่อหลายรุ่น 1: MV Agusta F4 RR – 310 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ที่สุดของความแรงในรถสองล้อที่มีขาย MV Agusta F4 RR
หนึ่งค่ายที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ “ใยดี” อะไรกับสัญญาลูกผู้ชาย “Gentlemen’s agreement” นั่นคือ MV Agusta ที่ปล่อยให้ F4 RR สามารถเร่งความแรงทะยานสู่ระดับสูงสุดถึง 310 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และทำให้ Superbike คันนี้เป็นรถที่เร็วและแรงที่สุดในโลกไปโดยปริยายอย่างเป็นทางการ (ในตอนนี้) ที่มีจำหน่ายอยู่ในตลาด และทั้งหมดนี้คือ 10 รุ่น “ตัวแรงและเร็วที่สุดในโลกของปี 2019” จะเห็นว่ามีการครองอันดับร่วมกันหลายรุ่นจากความเร็วสูงสุดที่แต่ละรุ่นทำได้ รวมไปถึงเรื่องของ “Gentlemen’s agreement” ที่ทำให้ความเร็วสูงสุดในแต่ละรุ่นทำได้ไม่ห่างกันมากนัก สุดท้ายแล้วจะเห็นว่าเรื่องเทคโนโลโลยีของ Bigbike แต่ละรุ่นที่ได้ชื่อว่าเป็น “ที่สุด” ของค่ายรถจะไม่ต่างกันมากนัก แต่อย่างน้อยก็ทำให้คุณได้รู้ว่า รถคันที่คุณปลื้มหรือชื่นชอบอยากได้มาเป็นเจ้าของอยู่นั้นมีความแรงอยู่ในอันดับที่เท่าไร ได้ติดใน 10 อันดับกับเขาด้วยไหมตามลิสต์รายชื่อนี้ที่เรานำมาฝากนี้ ดูเพิ่มเติม

International

Cars in Thailand Chobrod.com (Cars in Thailand)