Jaguar LandRover พร้อมนำ Range Rover Evoque 2020 ลุยจำหน่ายในตลาดเมืองลุงแซม

Jaguar LandRover เตรียมนำรถครอสโอเวอร์แบรนด์ดังสัญชาติผู้ดีอังกฤษ อย่าง Range Rover Evoque 2020 จำหน่ายในสหรัฐอเมริกา และเตรียมเผยโฉมในงาน New York Auto Show 2019 ช่วงปลายเมษายนนี้พร้อมรุ่นพิเศษ Evoque First Edition ที่ผลิตมาจำนวนจำกัดก่อนเปิดจำหน่ายในตลาดสหรัฐอเมริกาช่วงฤดูใบไม้ร่วงหรือเดือนกันยายนปีนี้

รถยนต์ Rangrover Evoque 2020

สำหรับ Range Rover Evoque 2020 ที่กำลังจะเผยโฉมในตลาดสหรัฐนั้นมีดีไซน์ตัวถังที่เหมือนยก Rang Rover Velar มาทั้งคัน โดยทางทีมงานของ Jaguar LandRover  ยังมีการเลือกใช้งานแพลทฟอร์มเดิม (D8 architecture) มาผลิตแต่มีการโมดิฟายใหม่บ้างบางส่วน โดยอัพเกรดแชสซีส์ของรถส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่การติดตั้งชุดระบบขับเคลื่อนแบบไฟฟ้าเพิ่มเติม เทียบกับรุ่นตัวถัง 5 ประตูในรุ่นก่อนหน้า ความกว้างจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,996 มม. (+96 มม.) สูง 1,649 มม. (+14 มม.) โดยมีความยาวจะเท่าเดิม 4,371 มม. 


Range Rover Evoque ที่มีพร้อมการรองรับระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า

 อย่างไรก็ตาม Range Rover Evoque 2020 นี้ยังมีเทคโนโลยีแบบใหม่ที่ถือเป็นไฮไลท์ได้แก่ฟังก์ชั่น ClearSight Ground View ที่มีกล้องด้านล่างสามารถแสดงภาพทัศนวิสัยใต้ท้องรถบนจอกลาง พร้อมแสดงผลภาพจำลองของล้อคู่หน้า เพื่อให้ผู้ขับสามารถเลือกตำแหน่งการวางล้อที่เหมาะสมได้ ทั้งการขับผ่านที่แคบๆ ในเมือง หรือทางขรุขระบนเส้นทางกึ่งออฟ-โรด  และ ยังคงมี ระบบ Active Driveline รุ่นอัพเกรด สำหรับ Evoque 2020 ที่ช่วยกระจายแรงบิดทำงานร่วมกับระบบ Driveline Disconnect ตัดการทำงานของชุดเพลาหลังอัตโนมัติ และขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อหน้าตามความเหมาะสม เพื่อลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง, ระบบ Terrain Response 2 สั่งการ/ควบคุม/ตรวจสอบสภาพพื้นถนน และเลือกโปรแกรมการขับที่เหมาะสมให้โดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นกรวด, หิมะ, โคลน หรือทราย และ Evoque รุ่นนี้ ยังมีระยะเคลียร์ใต้ท้องรถราว 8.3 นิ้ว พร้อมความสามารถในการลุยน้ำได้ลึกสุดถึง 23.6 นิ้ว ได้อีกด้วย


เทคโนโลยี Clear Sight Ground view ที่ช่วยให้เห็นทัศนวิสัยการขับขี่ใต้ท้องรถผ่านจอส่วนกลาง

สำหรับห้องโดยสารของ Evoque 2020 มีการปรับเปลี่ยนจาก Velar เล็กน้อยโดยที่นั่งด้านหลังจะมีพื้นที่วางเข่าเพิ่มขึ้น 20 มม. พื้นที่บรรทุกสัมภาระเพิ่มขึ้น 10% เป็น 591 ลิตร และสูงสุด 1,430 ลิตร หากพับเบาะคู่หลัง  ส่วนฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกในการขับขี่ที่มีมากับ Evoque คันนี้ประด้วยด้วยการใช้มาตรวัดหลังวงพวงมาลัยเป็นแบบฟูลดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมด้วยจอ HUD เพื่อเพิ่มสะดวกภายในบวกกับกระจกมองหลังที่มีฟังก์ชั่นที่สามารถเชื่อมต่อกับกล้องมองหลังเพื่อแสดงผลด้วยกล้องมองหลังและจอกลางเปลี่ยนเป็นแบบไวด์สกรีนขนาด 10 นิ้ว ปรับองศาได้ พร้อมจอทัชสกรีนขนาด 10 นิ้วแยกออกมาทางด้านล่างสำหรับจัดการระบบควบคุมอื่นๆ เช่น ระบบปรับอากาศ เป็นต้น 


Evoque มีจอทัชสกรีน 10 นิ้วที่มาเพื่อช่วยควบคุมระบบการทำงานภายในอื่นๆ เช่น ระบบปรับอากาศ

 ด้านขุมพลัง Evoque 2020 จะมากับชุดระบบขับเคลื่อนแบบ mild-hybrid ซึ่งใช้ระบบไฟ 48-volt เช่นเดียวกับรถยุคใหม่ในหลายๆ แบรนด์ผู้ผลิต จากนั้นในอีกราวๆ 1 ปีข้างหน้าจะมีการเพิ่มทางเลือกใหม่ด้วยรุ่น ปลั๊ก-อิน ไฮบริด เป้าหมายหลักคือการลดตัวเลขการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสียให้ต่ำที่สุด และเพิ่มตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยให้ดีขึ้นตามมาตรฐาน WLTP ใหม่ของยุโรป ส่วนรุ่นพื้นฐานแบบระบบไฟธรรมดา จะใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ พร้อมเกียร์ลูกเดียวกัน กำลังสูงสุด 246 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 37 กก.-ม. อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ภายใน 7 วินาที ความเร็วสูงสุด 230 กม./ชม.ส่วนในอนาคตจะมี รุ่นปลั๊ก-อิน ไฮบริด ซึ่งมีชุดระบบที่เพิ่มเติมเข้ามาจะประกอบด้วย ชุดสายพาน BiSG, แบตเตอรี่แพคขนาดความจุ 11.3 กิโลวัทท์-ชม. ทำงานร่วมกับ BiSG Inverter แปลงไฟกระแสสลับเป็นกระกระแสตรง (AC to DC) และ Integrated Charger ที่ทำหน้าที่แปลงกระแสไฟฟ้าแรงสูงจากแบตเตอรี่ไปจ่ายชุดระบบไฟ 12 โวลท์ (DC/DC Converter) มาในอนาคต


Range Rover พร้อมเปิดตัวอีกครั้งในงาน New York Auto Show 2019 ก่อนออกจำหน่ายในสหรัฐฯ

Range Rover Evoque  2020  พร้อมเปิดตัว ในงาน New York Auto Show 2019 ปลายเดือนเมษายนที่กำลังจะถึงนี้ ด้วยรุ่นพิเศษเฉพาะช่วงเปิดตัว Evoque First Edition ที่มาพร้อมออปชั่นพิเศษ เช่น ล้ออลูมิเนียมขนาด 20 นิ้ว หรือชุดเครื่องเสียงเกรดพรีเมียมของ Meridian เป็นต้น ซึ่งผลิตมาจำหน่ายในจำนวนจำกัดในราคา 56,850 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1.81 ล้านบาท ส่วน Evoque  ที่จะจำหน่ายในตลาดสหรัฐ ฯ จะแยกการจำหน่ายเป็น 5 เกรดรุ่นย่อย ประกอบด้วย S และ SE ซึ่งเป็นรุ่นพื้นฐานเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเพียวๆ ต่อด้วย 3 รุ่นย่อยพลัง mild-hybrid ประกอบด้วยเกรด R-Dynamic S, R-Dynamic SE และ R-Dynamic HSE ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 42,650 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1.4 ล้านบาท ส่วนรุ่นท๊อปจบที่ 55,800 ดอลลาร์ หรือราว 1.78 ล้านบาท

ดูเพิ่มเติม

โปรโมชั่น ดูทั้งหมด

โปรโมชั่น Ford กันยายน 2565 ดีลเด็ดโดนใจ

โปรโมชั่น Ford กันยายน 2565 สิทธิพิเศษจากฟอร์ดสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อรถแต่ยังไม่มีงบ พร้อมทั้งโปรโมชั่น Ford อื่น ๆ เช็กได้กันเลย

โปรโมชั่น Isuzu กันยายน 2565 ดีลเด็ดโดนใจ

โปรโมชั่น Isuzu กันยายน 2565 สิทธิพิเศษมากมายสำหรับลูกค้าอีซูซุที่ยกมาให้เลือกพิจารณากันทั้งค่าย เช็กโปรโมชั่น Isuzu ได้ที่นี่

โปรโมชัน Nissan กันยายน 2565 ดีลเด็ดโดนใจ

โปรโมชัน Nissan กันยายน 2565 สิทธิดี ๆ ส่วนลดสุดปัง สำหรับรถยนต์ผู้ที่สนใจรถยนต์นิสสัน เช็กรายละเอียดโปรโมชั่น Nissan ได้ที่นี่

โปรโมชัน Suzuki กันยายน 2565 ดีลเด็ดโดนใจ

โปรโมชัน Suzuki กันยายน 2565 และสิทธิประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมายให้ที่ Suzuki นำมามอบให้แบบจัดเต็ม!

International

Cars in Thailand Chobrod.com (Cars in Thailand)