เคล็ดไม่ลับ! หนูเข้ารถ หนูกัดสายไฟรถ ปราบได้ด้วย 5 วิธีนี้

หนูเข้ารถ หนูกัดสายไฟรถ เป็นปัญหาน่ารำคาญที่ผู้ใช้รถหลาย ๆ คนต้องเคยประสบพบเจอเผชิญ ซึ่งเจ้าจิ๋วตัวร้ายไม่ได้เพียงเข้าไปแทะอุปกรณ์ในห้องเครื่องให้เจ้าของรถเสียเงินซ่อมเล่น ๆ เท่านั้น แต่ยังทิ้งกลิ่นไม่พึงประสงค์ อย่างกลิ่นอึ กลิ่นฉี่ไว้ให้ดูต่างหน้าอีกต่างหาก หากเจ้าของรถละเลย ปล่อยทิ้งไว้ ก็จะเกิดปัญหามากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหากวนใจดังกล่าว Khaorot ขออาสาแนะนำวิธีไล่หนู หนูเข้ารถ หนูกัดสายไฟรถ สามารถทำได้ง่าย ๆ 5 วิธีเท่านั้น

สาเหตุที่ทำให้หนูเข้ามาในรถ

ก่อนจะเข้าเรื่อง มาทราบถึงสาเหตุกันสักนิด การที่หนูจะเข้ามาอาศัยอยู่ภายในรถนั้น มีปัจจัยอยู่ 2 ประการ ได้แก

นำอาหารเข้ามาทานภายในรถ

สาเหตุหลัก ๆ ที่พบบ่อย ๆ ก็คือ เจ้าของรถหรือผู้โดยสาร มักนำอาหารหรือขนมเข้ามาทานในรถ และอาจจะทำตกหรือร่วงโดยไม่รู้ตัว เมื่อหนูได้กลิ่นก็จะเข้ามากินเศษอาหารที่ตกอยู่ภายในรถนั่นเอง

จอดรถไว้ใกล้บริเวณที่หนูอาศัยอยู่ชุกชุม

การจอดรถไว้บริเวณที่เป็นจุดเสี่ยง อาทิ ท่อน้ำ หรือถังขยะ จะทำให้เจ้าจิ๋วตัวป่วนคิดว่ารถของท่านสามารถพักอาศัยได้ ซึ่งพวกมันจะพากันยกโขยงเข้ามาตั้งถิ่นฐาน และค่อย ๆ ทำลายสายไฟภายในรถเพื่อความสะดวกในการเข้าออกอย่างแน่นอน

วิธีไล่หนูในรถ

1. หมั่นทำความสะอาดรถและบริเวณรอบ ๆ อยู่เสมอ

การรักษาความสะอาดภายในรถถือเป็นเรื่องสำคัญมาก นอกจากจะทำให้รถสะอาดเอี่ยมอ่องแล้ว ยังถือว่าเป็นการกำจัดแหล่งอาหารของหนูไปในตัวด้วย สำหรับบริเวณรอบนอก หากมีถุงขยะอยู่ใกล้ ๆ ควรมัดปากถุงให้แน่น แล้วนำไปวางให้ห่างจากตัวรถ ส่วนบริเวณน้ำขังที่เป็นแหล่งน้ำของพวกมัน ก็ควรทำให้แห้งสนิทด้วยเช่นกัน

เข้าดู รถมือสอง ได้ที่นี่

2. ป้องกันหนูเข้ารถด้วยสิ่งที่หนูเกลียด

วิธีที่จะช่วยลดจำนวนหนูได้เป็นอย่างดี ก็คือการนำสิ่งที่หนูเกลียดมาวางไว้ในรถ ซึ่งมีหลายวิธีเลยทีเดียว อาทิ

• นำลูกเหม็นมาแขวนไว้ตามจุดต่าง ๆ ในรถ
• นำแอมโมเนียไปวางไว้บริเวณที่จอดรถยนต์ ซึ่งกลิ่นของมันจะช่วยไล่หนูได้เป็นอย่างดี
• นำยาเบื่อหรือกับดักหนูมาวางไว้ใต้ท้องรถ เพื่อล่อให้หนูเข้ามาติดกับแทนเข้าไปอยู่อาศัยในรถของคุณ
• นำน้ำผสมกับพริกป่นฉีดเข้าไปในห้องเครื่อง บริเวณไหนที่หนูเข้ามาเยอะ ๆ ก็ฉีดเน้นเข้าไปตรงนั้น เมื่อพวกมันเข้ามาป้วนเปี้ยนก็จะรู้สึกแสบระคายผิวจนไม่อยากเข้ามาอีก
• วางงูยางไว้ใต้ท้องรถ เพื่อทำให้บรรดาเจ้าจิ๋วตัวร้ายหวาดกลัว และไม่กล้าเข้ามาใกล้รถของคุณ แต่วิธีนี้สิ้นเปลืองไปสักหน่อย เพราะต้องเปลี่ยนงูทุก ๆ สองหรือสามวัน เพื่อไม่ให้หนูเกิดความเคยชินจนเลิกกลัว

3. วิธีไล่หนูในรถด้วยแมว

อีกวิธีง่าย ๆ ที่จะทำให้หนูไม่มาเข้าใกล้รถของท่าน ก็คือ การเลี้ยงแมวไว้คอยจับหนู อย่างที่รู้กันว่าหนูกับแมว เป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมานานแสนนาน โดยตามสัญชาตญาณแล้ว หนูจะเกลียดและกลัวแมว เมื่อได้กลิ่นหรือเจอตัวก็จะหลีกหนีทันที และไม่เฉียดเข้าใกล้บริเวณนั้น ๆ เลย

4. ป้องกัน หนูเข้าห้องเครื่อง เปิดฝากระโปรงรถทิ้งไว้

การเปิดฝากระโปรงทิ้งรถทิ้งไว้ โดยเฉพาะในที่ที่มีแสงสว่าง จะทำให้หนูรู้สึกว่าห้องเครื่องภายในรถคุณไม่ใช่ที่ปลอดภัยที่สามารถอยู่อาศัยได้อีกต่อไป ทั้งนี้ วิธีดังกล่าว ควรทำที่บ้าน หรือในที่ปลอดภัยเท่านั้น

5. ป้องกันหนูเข้ารถ นำวัสดุมาปิดไว้

เพื่อป้องกันไม่ให้หนูเข้าใต้ท้องรถ และปีนไปกัดสายไฟภายในห้องเครื่องจนใช้งานไม่ได้ คุณอาจจะนำวัสดุต่าง ๆ อาทิ แผ่นพลาสติกมาปิดช่องไว้ หรือจะหาชุดอะลูมิเนียมป้องกันหนูมาวางล้อมรอบตัวรถ เพื่อปิดทางเข้า-ออกไว้ก็ได้ ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวจะป้องกันไม่ให้หนูกระโดดเข้ามาภายในรถ

หากหนูกัดสายไฟ ประกันเคลมให้หรือไม่?

สำหรับกรณีหนูกัดสายไฟรถขาดจนใช้งานไม่ได้แบบนี้ ขอฟันธงว่า ประกันเคลมให้แน่นอน เพราะถือว่าเป็นอุบัติเหตุ ไม่ได้เกิดจากการเสื่อมสภาพหรือดัดแปลง คุณสามารถแจ้งเคลมได้ ด้วยการถ่ายรูปบริเวณที่เกิดความเสียหาย (หากพบร่องรอยของหนูด้วยจะดีมาก) จากนั้นโทรแจ้งเรื่องกับเจ้าหน้าที่ แต่ทั้งนี้ เจ้าของรถอาจจะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก (Excess) เอง เนื่องจากเป็นอุบัติเหตุที่ไม่สามารถระบุคู่กรณีได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อกำจัดหนูออกไปได้แล้ว อย่าลืมตรวจเช็กร่องรอยความเสียหายที่เจ้าจิ๋วตัวแสบอาจจะสร้างไว้ และควรตรวจสอบสภาพรถ และหมั่นทำความสะอาดเป็นประจำ เพื่อป้องกันหนูตัวร้ายที่อาจเข้ามาอาศัยในรถของท่านอีกรอบ ด้วยความหวังดีจาก Khaorot

ติดตามข่าวล่าสุดได้ที่: https://khaorot.com/

อ่านเพิ่มเติม:

• ขนส่ง แนะ ไปทำบุญทอดกฐินควรเลือกรถที่จดทะเบียนถูกต้อง มีสภาพพร้อมใช้งานทั้งคนทั้งรถ!
• BMW M5 2019 ซูเปอร์ซีดาน สปอร์ตสุดแรง เปิดจองในไทย ราคาเริ่ม 13,339,000 บาท​​​​​​​