รถยนต์สัญชาติอังกฤษ MG ZS บอกเล่าเก้าสิบ จากประสบการณ์ผู้ใช้จริง

รถยนต์ MG ZS

หากจะนึกถึงรถยนต์อเนกประสงค์ ที่ภายนอกโดดเด่น มีซันรูฟขนาดใหญ่ ภายในกว้างขวางใส่รถจักรยานได้ทั้งคัน พร้อมด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำที่ผู้ขับขี่สามารถสื่อสารกับรถได้ด้วยเสียงภาษาไทย หรือที่เรียกว่า iSmart ให้ทุกคนลองเดาเล่นๆว่าราคาน่าจะอยู่ที่เท่าไหร่ ตัวเลขในใจของหลายคนคงจะเกิน 1,200,000 แน่นอน แต่สำหรับ MG ZS นั้น ราคาเริ่มต้นในรุ่น C เพียง 679,000 บาท MG ZS รุ่น D 729,000 บาท และรุ่นท็อปแค่ 789,000 บาทเท่านั้น ทำให้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยราคาเท่านี้แต่ให้ออฟชั่นจัดเต็ม หลายคนคงสงสัยว่าเป็นไปได้จริงหรือ แล้วประสิทธิภาพการใช้งานจะเป็นอย่างไร วันนี้ทาง khaorot.com เรารวบรวมข้อคิดเห็นจากผู้ใช้งานจริงมาฝาก

ดูเลย:  รถ MG ดีไหม

เริ่มจากภายนอกกันก่อน

ตัวรถรูปทรงสวยงาม ออกแนวสปอร์ต กระจังหน้าหรูหรา ทำให้นึกถึงรถ SUV ทางฝั่งยุโรปและแดนซามูไรหลายยี่ห้อ ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ และ  LED Daytime Running Light ไฟท้ายเป็น LED Tube มาพร้อมกันล้อแม็กซ์ 17 นิ้ว ให้ความเป็นสปอร์ตมากขึ้น ดูเหมือนลงตัวทีเดียว แต่จุดที่มีผู้ใช้คอมเมนท์มากที่สุดเห็นจะเป็น

 - “มีฝ้าไอน้ำในโคมไฟหน้า” โดยทางศูนย์แนะนำว่าให้ติดเครื่อง 30 นาทีแล้วฝ้าจะหายไปเอง เป็นแบบนี้ทุกคัน  

ภายในตัวรถ

ออกแบบให้มีพื้นที่กว้างขวางทั้งแถวหน้าและแถวหลัง เบาะตกแต่งด้วยโทนน้ำตาลอ่อนและดำ ที่หลายคนติงว่า “ดูแก่” ไปสักหน่อย โดยมีผู้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภายในห้องโดยสารของ MG ZX ดังนี้

 - “กุญแจน่าจะเป็น keyless จะดูดีกว่า” เพราะตัวประตูรถไม่มีช่องเสียบกุญแจคล้ายระบบ keyless แต่ต้องควักรีโมทมาเปิดแบบปกติซะอย่างนั้น

 - “เบาะนั่งแถวหลังไม่มีที่วางแก้วและดึงออกมาไม่ได้” ซึ่งปกติแล้วรถ SUV หรือแม้กระทั่งรถเก๋งทั่วไป จะมีที่วางแขนตรงกลาง พอดึงออกมาจะกลายเป็นที่วางแก้วน้ำได้ หากต้องเดินทางไกลแล้วซื้อกาแฟขึ้นรถ คงต้องประสบกับปัญหาไม่มีที่วางแก้วแน่นอน

 - “ลำโพง 6 จุด คุณภาพเสียงกลางๆไม่หวือหวามาก ” หากต้องการฟังเพลงแนวร็อค คงต้องติดลำโพงอื่น

 - “หลังคาซันรูฟกว้างมาก”

 - “มีพื้นที่เก็บสัมภาระได้เยอะ” สาวๆใช้เป็นห้องแต่งตัวเคลื่อนที่ได้ดีทีเดียว

 - “กล้อง จอทัชสกรีนและวิทยุดับเอง” วิธีแก้คือดับเครื่องแล้วสตาร์ทใหม่

 - ระบบ iSmart

             ข้อดี

1. เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ทั้งระบบ Android 5.0 และ iOS โดยระบบ iOS ต้องเป็นเวอร์ชั่น 8.0 ขึ้นไป
2. “มี Electric Fence ให้สามารถตรวจสอบได้ว่ารถอยู่ตรงไหน”

ข้อที่ควรปรับปรุง

1. “ระบบสั่งการเปิดประตูเข้ารถช้า ใช้เวลานานกว่าหยิบรีโมทมากดเปิดเอง”
2. “เมื่อสั่งการด้วยเสียง ระบบไม่ตอบสนองต่อคำพูดเท่าที่ควร ประมวลผลช้า”
3. “สั่งการระบบด้วยเสียงขณะขับเกิน 100 กม./ชม. ไม่ได้”
4. “ระบบทำงานผิดพลาด เมื่อสั่งการขณะขับขี่”
5. “สั่งให้โทรออกโดยบอกเพียงชื่อไม่ได้ ต้องสั่งด้วยเบอร์โทรเท่านั้น”

โดยคอมเมนท์ส่วนใหญ่จะบอกว่าระบบ iSmart ไม่เสถียร การใช้งานจริงไม่ได้เต็มที่เหมือนที่คาดหวังไว้

ข้อคิดเห็นโดยรวมบนเว็บไซต์ Pantip

ด้านเครื่องยนต์

MG ZS ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ไม่มีเทอร์โบ 114 แรงม้า เกียร์ 4 speed ซึ่งหลายคนบอกว่าดูธรรมดาเกินไป ซึ่งทางผู้ใช้จริงได้แสดงข้อคิดเห็นไว้ดังนี้

 - “เปลืองเชื้อเพลิงพอสมควรหากวิ่งในเมือง” และมีหลายคนบอกว่าวิ่งนอกเมืองประหยัดกว่า

 - “ตัวเครื่องยนต์ไม่ซับซ้อน ซ่อมง่าย”

 - “วิ่งไปสักพักเครื่องยนต์จะกระตุก” ซึ่งจะเป็นตลอดทางทำให้ผู้ขับขี่รำคาญใจเป็นอย่างมาก วิธีแก้คือต้องเร่งเครื่องให้รอบสูงกว่า 2,000 รอบ/นาที อาการจะดีขึ้น แต่จะเปลืองน้ำมันแทน

เบรกชะลอรถแล้วมีอาการรอบพุ่ง

ด้านความปลอดภัย

MG ZS จัดมาให้เต็มที่ ด้วยถุงลมนิรภัย 6 ลูก ระบบความปลอดภัยแบบ SYNCHRONIZE PROTECTION SYSTEM รวม 9 ฟังก์ชั่น รวมถึงระบบความปลอดภัยที่ค่ายอื่นมี ทาง MG ZS ก็ใส่มาให้ไม่ยั้งเช่นกัน ยกตัวอย่าง ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน (ABS) ระบบช่วยกระจายแรงเบรก(EBD)  ระบบเสริมแรงเบรก(EBA)  ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล(TCS)  ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง(CBC)  ระบบควบคุมการทรงตัว(SCS)  ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน(HAS)  ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง (เฉพาะรุ่น X)

และระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือนเมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน(Emergency Stop Signal) เป็นต้น ยังไม่นับรวมอุปกรณ์ความปลอดภัยอื่นๆ ซึ่งถือว่าให้มากจริงๆ และยังไม่มีเสียงคอมเพลนจากทางผู้ใช้งานสำหรับด้านความปลอดภัย นอกจาก “เบรกชะลอรถแล้วมีอาการรอบพุ่ง” ซึ่งถือว่าอันตรายมากสำหรับมือใหม่หัดขับ ต้องติดตามวิธีแก้ไขจากทางศูนย์อีกที

เป็นอย่างไรบ้างสำหรับข้อคิดเห็นจากผู้ใช้งานจริง ที่ทางเราได้รวบรวมมาให้ โดยรวมแล้ว MG ZS ถือว่าทำได้ดีในเรื่องรูปทรงของตัวรถ และออฟชั่นที่มีมาให้ เน้นความสะดวกสบาย ใช้งานง่ายบรรจุสัมภาระได้เยอะ ซึ่งเมื่อคำนวนดูแล้วถือว่าคุ้มเกินราคา แต่ถ้าปรับปรุงระบบ iSmart ให้เสถียรมากขึ้นรับรองว่าทางค่ายอื่นต้องพากันร้อนๆหนาวๆแน่นอน

ดูเพิ่มเติม: แชร์ประสบการณ์จากการทดลองสมรรถนะรถ Toyota Fortuner 2018