Subaru BRZ มือสองดีหรือไม่หากจะซื้อมาใช้งาน? มาดูกันว่ารถ Subaru BRZ มือสองดีไหม

นับตั้งแต่ปี 2012 ที่ทาง Subaru และ Toyota เปิดโปรเจคต์ใหม่เพื่อสร้างสุดยอดรถสปอร์ตคูเป้ขึ้นมา หลายคนก็คงตั้งคำถามว่า คำว่า “BRZ” นั้น คืออะไร เพราะรุ่นที่สร้างมาคู่กันอย่าง AE86 นั้น ก็คือการยกย่องเทพแต่การดริฟท์ในตำนาน สำหรับ BRZ มาจากคำว่า Boxer + Rear Wheel Drive + Zenith โดยความหมายก็คือ รถขับเคลื่อนล้อหลังขุมพลัง Boxer ที่มีสมรรถนะอันยอดเยี่ยมนั่นเอง

รถยนต์ Subaru BRZ มือสอง ปี 2013

ดีไซน์และสมรรถนะของ Subaru BRZ

สำหรับ Subaru BRZ นั้น แทบจะเรียกว่าเป็นฝาแฝดของ Toyota 86 เลยก็ว่าได้ เพราะสีตัวถังรถที่เป็นสีน้ำเงินเป็นอันดับแรก หลายคนคงจะคิดไม่ถึงว่ารถคันนี้จะเป็น Subaru BRZ หากไม่ได้สังเกตตรงโลโก้นั่นเอง แต่จุดที่แตกต่างกันของดีไซน์ภายนอกที่นอกเหนือจากโลโก้แล้ว ก็คือบริเวณแก้มข้างคู่หน้าที่จะทำช่องพลาสติกคล้ายช่องระบายอากาศแบบหลอก กันชนหน้า และบริเวณครอบไฟตัดหมอก ที่จะมีความแตกต่างกัน ส่วนไฟหน้าของ Subaru BRZ ก็จะมีไฟเลี้ยวภายในโคม นอกจากนี้เส้นสายการออกแบบนั้นยังคงความสปอร์ตที่ดีอยู่ แน่นอนว่าหลายคนก็ประทับใจในการออกแบบเป็นอย่างมากเช่นเดียวกัน

ดูเพิ่มเติม:  รถสปอร์ตมือสอง

ดีไซน์ภายนอกของรถยนต์ Subaru BRZ

ดีไซน์ภายนอกและเส้นสายการออกแบบของ Subaru BRZ

ในส่วนของการดีไซน์ภายในนั้น เริ่มต้นที่พวงมาลัยทรง 3 ก้าน หุ้มด้วยหนังเดินด้ายสีแดง ดูเรียบหรู ไร้ปุ่ม Multifunction แต่กลับมีก้าน Cruise Control มาแทน ในส่วนแผงควบคุมเครื่องปรับอากาศนั้น ค่อนข้างถูกใจหลายๆคนเพราะมีความคล้ายคลึงกับรถสุดฮอตอย่าง Nissan GT-R พร้อมกับการเพิ่มปุ่ม Engine Start เข้ามาอยู่ในตำแหน่งเดียวกันอีกด้วย ซึ่งง่ายต่อการใช้งานค่อนข้างมาก เรียกได้ว่าฟังก์ชั่นการทำงานที่มีมาให้นั้นค่อนข้างครอบคลุมและตอบโจทย์แฟนพันธุ์แท้ดาวลูกไก่ค่อนข้างมากเลยทีเดียว

ดีไซน์ภายในและการออกแบบฟังก์ชั่นต่างๆของ Subaru BRZ

สำหรับสมรรถนะนั้น มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์เทคโนโลยีร่วม เครื่องยนต์ลูกสูบนอน  Boxer  แบบ  4 สูบ (จาก Subaru) ความจุ  1,998 cc  จ่ายน้ำมันแบบหัวฉีดตรง  D4S  (จาก Toyota)   มอบพละกำลังสูงสุด 200 แรงม้า (PS) ที่ 7,000rpm แรงบิดสูงสุด 205Nm@ 6,400 - 6,600rpm และในคันนี้ได้ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 Speed ลงสู่ล้อคู่หลัง และออฟชั่นต่างๆที่มีมาให้ก็ค่อนข้างจัดหนักจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น การใช้โคมไฟหน้าแบบ projector ไฟ HID ที่ปรับระดับอัตโนมัติ หรือแผงหน้าปัดที่เป็นแบบวงกลม 3 วง ที่มีมาตรวัดรอบเครื่อง มีไฟ Shift Light Indicator หรือแม้กระทั่ง จอ MID ขนาดจิ๋วที่อยู่ตรงกลางภายในที่ช่วยแสดงผลอุณหภูมิภายนอกรถ และยังมีออฟชั่นต่างๆอีกมากมายที่ช่วยให้การขับขี่เป็นไปอย่างสนุก

สมรรถนะและการใช้งานของ Subaru BRZ

เครื่องยนต์ของ Subaru BRZ

ข้อดีและข้อเสียการใช้งาน Subaru BRZ

จากการใช้งานจริงของผู้ขับขี่ Subaru BRZ นั้น ถือว่าอยู่ในระดับที่พอใจค่อนข้างมาก ดังต่อไปนี้

• เริ่มต้นที่การเหยียบคลัช และโยกเกียร์เข้าไปที่ตำแหน่งเกียร์ 1 พบว่าน้ำหนักครัชไม่ได้ดหนัก ทำให้ขับขี่ค่อนข้างง่าย แม้ในช่วงรถติดก็ตาม
• หัวเกียร์ Shift Knob ทั้งรูปทรง และคันเกียร์ ตลอดจน Shift Feeling ในการโยกเปลี่ยนเกียร์นั้นค่อนข้างง่าย ไม่หนักหรือฝืดแต่อย่างใด
• เมื่อขับแบบซิ่ง ลากรอบไปที่ราวๆ 4,500rpm ขึ้นไป จนถึง 7,000rpm ก่อนเข้า Redline ที่ประมาณ 7,500rpm รถตอบสนองค่อนข้างไว การขับขี่สนุกมากขึ้น เพราะได้รับอรรถรสของเครื่องยนต์ที่มีกำลังมากถึง 200 แรงม้า  
• ระบบบังคับเลี้ยว เป็นพวงมาลัยแบบผ่อนแรงไฟฟ้า ที่ให้ Handing มาค่อนข้างเป็นธรรมชาติ เซ็ตได้ดี มีน้ำหนักค่อนข้างโอเค การขับขี่ดูไม่หนัก แต่กลับดูผ่อนแรงได้ค่อนข้างดี แต่จะเบามือมากขึ้นหากขับที่ความเร็วสูง
• เมื่อรู้สึกว่าพวงมาลัยดูเบามือสามารถใช้ปุ่ม VSC Sport ได้ ถือว่าเป็นออฟชั่นที่ตอบโจทย์ เพราะทำให้พวงมาลัยจะหนืดตึงมือมากขึ้น ตอบโจทย์การขับขี่แบบสปอร์ตมากขึ้น

รีวิวการใช้งานจากผู้ใช้งานจริงของ Subaru BRZ

แน่นอนว่าข้อดีก็ต้องมาพร้อมกับข้อเสีย และแน่นอนว่าด้วยความที่ทำร่วมกับ Toyota นี้เอง ทำให้ไม่สามารถคงความเป็น Subaru ได้เท่าที่ควร จึงทำให้มีปัญหาที่รุ่นอื่นของ Subaru ไม่เคยมีได้ พบได้จากการขับขี่ของผู้ใช้งานได้ดังต่อไปนี้

• การเหยียบแป้นคลัชยังต้องเหยียบค่อนข้างลึก จากตำแหน่งการวางเท้า ขาจะต้องเหยียดตรงค่อนข้างมาก หากคนที่ไม่ได้สูงมากก็จะมีปัญหาในตรงจุดนี้
• การเข้าเกียร์ R จะต้องมีการยกกระเดื่องขึ้นก่อนที่จะดันไปในทิศทางเดียวกับเกียร์ 1 ซึ่งแตกต่างจาก Sti ทั้งที่มีการถอดแบบมาแทบจะเหมือนกัน ทำให้ค่อนข้างดูยุ่งยากเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรมาก
• การตอบสนองของเครื่องยนต์นั้น จะได้สัมผัสถึงกำลังแรงม้าในช่วงรอบสูงเท่านั้น หากขับที่รอบเครื่องยนต์ไม่เกิน 4,000rpm จะเหมือนกับขับรถบ้านๆทั่วไป ไม่เหมือนกับการขับรถสปอร์ตคูเป้แต่อย่างใด

รีวิวการใช้งานจากผู้ใช้งานจริงของ Subaru BRZ

• หากเป็นขาซิ่งจะไม่ค่อยตอบโจทย์เท่าไหร่นัก เพราะเครื่องจะดูไม่แรงหากบิดในรอบต่ำ
• มีความรู้สึกว่าช่วงล่างไม่เกาะถนนเท่าที่ควร หากขับที่ความเร็ว 100Km./hr. เพราะรู้สึกได้ถึงความโคลงของช่วงล่าง หรือแม้จะขับที่จุดศูนย์ถ่วงต่ำ ก็ยังมีความคลอนให้ได้เห็นอยู่ ทั้งที่คิดว่าการประกอบค่อนข้างแน่นและละเอียดดี
• มีอาการท้ายปัด Oversteer ให้ได้เห็นอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเลี้ยวรถ หรือกลับรถ ไปจนถึงการขับขี่ในช่วงที่ฝนตก จะต้องมีความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ได้มีอาการหนักหน่วงมาก เพราะยังสามารถดึงกลับมาตั้งตรงได้ไม่ยากมากนัก
• ตำแหน่งเบาะคนขับต่ำจนเกินไป จนรู้สึกเหมือนการไม่สมูทกันในระหว่างการขับขี่ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเฉพาะรุ่นนั้นๆ หรือบางคันหรือไม่

รีวิวการใช้งานจากผู้ใช้งานจริงของ Subaru BRZ

ราคาขายโดยเฉลี่ยของ Subaru BRZ มือสอง

ในส่วนของราคาจำหน่าย Subaru BRZ โดยเฉลี่ยนั้น หากเป็นมือหนึ่งใหม่ป้ายแดง ราคาโดยเฉลี่ยจะเริ่มต้นที่ 2.15 ล้านบาท ไปจนถึง 2.64 ล้านบาท แน่นอนว่าด้วยราคานี้เองที่ทำให้หลายคนเริ่มมองราคา Subaru BRZ มือสอง กันมากขึ้น โดยเราจะรวบรวมราคาโดยเฉลี่ยจากเว็บไซต์ต่างๆที่มีการประกาศขาย ซึ่งจะต้องเป็นรถที่สภาพดี ไม่มีการเกิดอุบัติเหตุมาก่อน และเป็นรถสภาพเดิมๆจากโรงงานเท่านั้น ดังต่อไปนี้

ราคามือสองโดยเฉลี่ยของรถยนต์ Subaru BRZ

สรุป

รถ Subaru BRZ คันนี้ ไม่อาจเรียกได้ว่ามันเป็นรถจากค่ายดาวลูกไก่อย่างเต็มตัว   เพราะที่จริงแล้ว  มันดูเหมือนจะเป็นรถToyota เสียมากกว่า 50% ทั้งจากรูปลักษณ์หน้าตา,  ห้องโดยสาร บุคลิกการขับขี่ เว้นเพียงแต่  เอกลักษณ์จากเสียงเครื่องยนต์สูบนอน  Boxer  เท่านั้น ที่ยังคงเอกลักษณ์  Subaru  เอาไว้แม้จะพัฒนาร่วมกับ เทคโนโลยีหัวฉีด D4S จาก Toyota ก็ตาม ซึ่งหลายคนก็มองว่าในราคารถเริ่มต้นที่ 2 ล้านบาทนี้ สามารถซื้อรุ่นอื่นที่แรงกว่านี้ได้ง่ายๆ แต่ทั้งนี้การตัดสินใจก็ขึ้นอยู่กับผู้ขับขี่เองว่าจะเลือก Subaru BRZ หรือไม่ และการตัดสินใจซื้อ Subaru BRZ มือสอง จะคุ้มค่ามากแค่ไหนกับการลงทุน

อ่านเพิ่มเติม : 

• รีวิว Subaru BRZ 2018 ยนตรกรรมสปอร์ตซีดานแห่งยุค
• 2018 Volvo XC90 สุดยอดรถ SUV สุดหรูชูจุดเด่นด้วยขุมพลังไฮบริด